เทคนิคการปลูกมะละกอพันธุ์อะไรดีจึงจะมีตลาดขาย
จริงๆไม่ได้คิดที่จะเขียนบทความเรื่องนี้เลย เพราะไม่คาดฝันค่ะ แต่เมื่อวานมีคนเข้ามาถามในให้ช่วยหาตลาดมะละกอแขกดำให้หน่อย อย่างเช่นผมปลูกมะละกอพันธุ์ครั่ง เรดแคริเบี้ยนขายที่ไหนดี ทำให้คิดว่าเรามองข้ามเรื่องนี้ไปจริงๆ เพราะชีวิตอยู่แต่กับมะละกอฮอลแลนด์ เลยไม่ได้มองพันธุ์อื่น
- มะละกอฮอลแลนด์ คือพันธุ์ที่น่าหลงใหลและน่าลงทุนที่สุด เพราะเป็นพันธุ์มะละกอกินสุกที่นิยมที่สุดและใช้เครื่องพ่นยาน้อยที่สุด ตลาดกว้างขวาง แม่ค้ารับซื้อเยอะมากที่สุด ส่วนที่ตกเกรดหรือเป็นโรคก็ยังวางขายเข้าโรงงานได้ ราคามะละกอจะยืนพื้นจากสวน 8-10 บาท/กก. ราคาขายส่งอยู่ที่ 15-20 บาท/กก. ราคาขายปลีกถึงผู้บริโภคอยู่ที่ 20-35 บาท/กก. ช่วงที่มะละกอขาดตลาด ราคาจากสวนพุ่งไปถึง 20-35 บาท/กก. ราคาขายส่ง 30-35 บาท/กก. ขายปลีกอยู่ที่ 40-50 บาท/กก. ตามที่เป็นช่วงที่มะละกอมีผลผลิตน้อย ผลไม้อื่นในท้องตลาดก็มีน้อย ราคาจึงสูงกว่้าพันธุ์อื่นๆ มะละกอที่จะมีผลผลิตออกช่วงนี้จะเป็นมะละกอที่ต้องออกดอกช่วงแล้งประมาณ มี.ค.-เม.ย. ซึ่งมะละกอจะไม่ค่อยติดผลเพราะว่าดอกร่วงหมด ทำให้มะละกอมีผลผลิตน้อยหรือขาดตลาดทุกปีในช่วงตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. หรืออาจจะยาวไปจนถึง ต.ค. ท่านใดที่อยากขายมะละกอราคาแพงก็วางแผนปลูกให้มะละกอได้เก็บผลผลิตในช่วงดังกล่าว โดยใช้ระบบการจัดการน้ำและปุ๋ยเข้าไปช่วยเพื่อช่วยให้มะละกอติดผลได้ในช่วงดังกล่าวได้ล่ะก็ เตรียมตัวรับเงินได้เลย มีเงินทองเหลือเฟือไปซื้อเครื่องมือการเกษตรเยอะเลยคะ
-มะละกอแขกดำ เคยเป็นมะละกอกินสุกที่ครองตลาดในอดีต แต่วันนี้หมดยุคหมดสมัยของแขกดำในตลาดกินสุกไปแล้ว แขกดำจึงเป็นมะกอที่หาตลาดไม่เจอ ไม่รู้จะอยู่ตรงไหน กินสุกก็ได้แต่ก็สู้ฮอลแลนด์ไม่ได้ ตลาดไทมีแผงมะละกอ 100 แผง แต่มีเพียง 2 แผงที่ขายแขกดำและปริมาณการขายก็ไม่มาก แต่ในตลาดกินดิบหรือส้มตำ แขกดำก็ไปได้แต่ก็ไม่โดดเด่นเท่าแขกนวลที่มีคุณสมบัติดีกว่า
-มะละกอแขกนวล ถือป็นมะละกอกินดิบที่ครองตลาด เพราะเป็นมะละกอที่เนื้อกรอบ อร่อย ใช้ทำเป็นส้มตำ อีกทั้งยังเป็นมะกอที่ติดดก ผลใหญ่มาก มะละกอกินดิบมีข้อดีตรงที่เก็บเกี่ยวเร็ว 5 เดือนก็เก็บขายได้แล้ว จากนั้นจะเก็บกันทุก 15-20 วัน (ครั้งหนึ่งก็ประมาณ 20-25 ตัน ในพื้นที่ปลูกประมาณ 10 ไร่) มะละกอดิบดูแลจัดการง่ายกว่ามะละกอสุกเยอะ ไม่ต้องหุ้มผล ไม่ต้องระมัดระวังมากตอนเก็บ เก็บเสร็จแพ็คใส่ถุงพลาสติกถุงละ 10 กก.ขนขึ้นรถขายได้เลย แต่ราคาก็จะอยู่ที่ 4-5 บาท ตลอดทั้งปี ช่วงราคาถูกก็อยู่ที่ 2 บาทค่ะ แทบไม่คุ้มค่าขนส่งเลยค่ะ
เด๊๋ยวมาพูดคุยกันต่อคะ ติดตามในบทความต่อไปนะคะ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น