วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ภาค2 การปลูกมะละกอพันธุ์อะไรดีจึงจะมีตลาดขาย


ภาค2 การปลูกมะละกอพันธุ์อะไรดีจึงจะมีตลาดขาย
-มะละกอพันธุ์ครั่ง เป็นมะละกอดิบหรือส้มตำพันธุ์ใหม่ที่ใช้ยาฆ่าแมลงและใช้เครื่องพ่นยาน้อย และที่มีผู้สื่อข่าวทำข่าวกันมากจนทำให้เกษตรกรปลูกกันในหลายจังหวัด โดยชูจุดดีตรงที่เนื้อกรอบ รสชาติ อร่อย หลังเก็บจากต้นแล้ว สดอยู่ได้นานกว่าพันธุ์อื่น 5-6 วันก็ยังไม่เหี่ยว และบอกว่าทนทานไวรัสจุดวงแหวนได้ดี(อันนี้จริงเปล่าไม่รู้) แต่ข้อด้อยก็คือ ผลมีร่องทำให้เวลาปอกเปลือก เปลือกสีเขียวจะติดอยู่ในร่องนั้น ขูดเส้นยาก ตอนนี้เริ่มมีปัญหาด้านตลาดแต่นักวิจัยก็ยังเพิ่งเปิดตัวครั่งพันธุ์ใหม่เนื้อเหลืองไปเมื่อเดือนที่แล้วอีกซึ่งครั่งเนื้อเหลืองจะทำให้เส้นส้มตำน่ากินมากขึ้น นักข่าวประโคมข่าวอีกเช่นเดิมแต่ปัญหาร่องที่ผลจะทำให้แม่ค้ายอมรับได้แค่ไหนต้องเกาะติดกันต่อไป

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เทคนิคการปลูกมะละกอพันธุ์อะไรดีจึงจะมีตลาดขาย


เทคนิคการปลูกมะละกอพันธุ์อะไรดีจึงจะมีตลาดขาย
จริงๆไม่ได้คิดที่จะเขียนบทความเรื่องนี้เลย เพราะไม่คาดฝันค่ะ แต่เมื่อวานมีคนเข้ามาถามในให้ช่วยหาตลาดมะละกอแขกดำให้หน่อย อย่างเช่นผมปลูกมะละกอพันธุ์ครั่ง เรดแคริเบี้ยนขายที่ไหนดี ทำให้คิดว่าเรามองข้ามเรื่องนี้ไปจริงๆ เพราะชีวิตอยู่แต่กับมะละกอฮอลแลนด์ เลยไม่ได้มองพันธุ์อื่น
- มะละกอฮอลแลนด์ คือพันธุ์ที่น่าหลงใหลและน่าลงทุนที่สุด เพราะเป็นพันธุ์มะละกอกินสุกที่นิยมที่สุดและใช้เครื่องพ่นยาน้อยที่สุด ตลาดกว้างขวาง แม่ค้ารับซื้อเยอะมากที่สุด ส่วนที่ตกเกรดหรือเป็นโรคก็ยังวางขายเข้าโรงงานได้ ราคามะละกอจะยืนพื้นจากสวน 8-10 บาท/กก. ราคาขายส่งอยู่ที่ 15-20 บาท/กก. ราคาขายปลีกถึงผู้บริโภคอยู่ที่ 20-35 บาท/กก. ช่วงที่มะละกอขาดตลาด ราคาจากสวนพุ่งไปถึง 20-35 บาท/กก. ราคาขายส่ง 30-35 บาท/กก. ขายปลีกอยู่ที่ 40-50 บาท/กก. ตามที่เป็นช่วงที่มะละกอมีผลผลิตน้อย ผลไม้อื่นในท้องตลาดก็มีน้อย ราคาจึงสูงกว่้าพันธุ์อื่นๆ มะละกอที่จะมีผลผลิตออกช่วงนี้จะเป็นมะละกอที่ต้องออกดอกช่วงแล้งประมาณ มี.ค.-เม.ย. ซึ่งมะละกอจะไม่ค่อยติดผลเพราะว่าดอกร่วงหมด ทำให้มะละกอมีผลผลิตน้อยหรือขาดตลาดทุกปีในช่วงตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. หรืออาจจะยาวไปจนถึง ต.ค. ท่านใดที่อยากขายมะละกอราคาแพงก็วางแผนปลูกให้มะละกอได้เก็บผลผลิตในช่วงดังกล่าว โดยใช้ระบบการจัดการน้ำและปุ๋ยเข้าไปช่วยเพื่อช่วยให้มะละกอติดผลได้ในช่วงดังกล่าวได้ล่ะก็ เตรียมตัวรับเงินได้เลย มีเงินทองเหลือเฟือไปซื้อเครื่องมือการเกษตรเยอะเลยคะ
-มะละกอแขกดำ เคยเป็นมะละกอกินสุกที่ครองตลาดในอดีต แต่วันนี้หมดยุคหมดสมัยของแขกดำในตลาดกินสุกไปแล้ว แขกดำจึงเป็นมะกอที่หาตลาดไม่เจอ ไม่รู้จะอยู่ตรงไหน กินสุกก็ได้แต่ก็สู้ฮอลแลนด์ไม่ได้ ตลาดไทมีแผงมะละกอ 100 แผง แต่มีเพียง 2 แผงที่ขายแขกดำและปริมาณการขายก็ไม่มาก แต่ในตลาดกินดิบหรือส้มตำ แขกดำก็ไปได้แต่ก็ไม่โดดเด่นเท่าแขกนวลที่มีคุณสมบัติดีกว่า
-มะละกอแขกนวล ถือป็นมะละกอกินดิบที่ครองตลาด เพราะเป็นมะละกอที่เนื้อกรอบ อร่อย ใช้ทำเป็นส้มตำ อีกทั้งยังเป็นมะกอที่ติดดก ผลใหญ่มาก มะละกอกินดิบมีข้อดีตรงที่เก็บเกี่ยวเร็ว 5 เดือนก็เก็บขายได้แล้ว จากนั้นจะเก็บกันทุก 15-20 วัน (ครั้งหนึ่งก็ประมาณ 20-25 ตัน ในพื้นที่ปลูกประมาณ 10 ไร่) มะละกอดิบดูแลจัดการง่ายกว่ามะละกอสุกเยอะ ไม่ต้องหุ้มผล ไม่ต้องระมัดระวังมากตอนเก็บ เก็บเสร็จแพ็คใส่ถุงพลาสติกถุงละ 10 กก.ขนขึ้นรถขายได้เลย แต่ราคาก็จะอยู่ที่ 4-5 บาท ตลอดทั้งปี ช่วงราคาถูกก็อยู่ที่ 2 บาทค่ะ แทบไม่คุ้มค่าขนส่งเลยค่ะ
เด๊๋ยวมาพูดคุยกันต่อคะ ติดตามในบทความต่อไปนะคะ...

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เทคนิคการเพาะเมล็ด/และกลยุทธ์การปลูกพริก


เทคนิคการเพาะเมล็ด/และกลยุทธ์การปลูกพริก
เมื่อได้เมล็ดพันธุ์พริกมาแล้ว ให้นำไปแช่น้ำร้อน ถ้าหญ้าเริ่มยาวให้ใช้เครื่องตัดหญ้า หลังจากนั้นใช้น้ำร้อนเทลงไปในภาชนะก่อน 1 ส่วนและตามด้วยน้ำเย็นอีก 1 ส่วน ทดสอบโดยมือจุ่มลงไปพอมือเราทนได้ ก็ใช้ได้หรือประเมิน 50  องศา แช่ไว้ราว 30 นาที หลังจากนั้นนำไปห่อในผ้าขาวบาง บ่มไว้ 1 คืนแล้วนำเมล็ดไปเพาะได้ โดยบ่มไว้ในกระติกน้ำร้อนก็ได้ ใช้ถ้วยคว่ำแล้วเอาเมล็ดพริกวางบนถ้วยที่คว่ำไว้ เพื่อไม่เมล็ดพริกแช่น้ำที่เราพ่นใส่เมล็ดพริกที่บ่ม เมล็ด พริกจะได้ไม่เน่าไปซะก่อนครับ

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีปั๊มน้ำ


ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีปั๊มน้ำ
ในบรรดาปั๊มน้ำที่หลากหลายนั้น ปั๊มน้ำหอยโข่ง ( volute pump) ถือเป็นเครื่องสูบน้ำที่ได้รับการพัฒนาก้าวหน้ามากที่สุด เพราะว่าสามารถสูบน้ำได้ในอัตราที่สูง และมีการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
ชนิดของปั๊ม
            1 ปั๊มน้ำอัตโนมัติ เหมาะสำหรับอาคาร ตึกแถว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยวเป็นระบบสวิตซ์เปิด-ปิดอัตโนมัติ ประหยัดไฟกำลังส่งไปยังจุดต่างๆภายในบ้านได้ดี สามารถต่อกับเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า หรือก๊อกน้ำได้
2 ปั๊มน้ำหอยโข่ง เหมาะกับงานเกษตร งานสูบน้ำขึ้นตึกสูง งานสูบจากแท็งค์หรือบ่อ งานหัวจ่ายน้ำ sprinkle
สามารถสูบน้ำได้ในปริมาณที่มากหรือแรงส่งสูงๆ
3  ปั้มน้ำจุ่ม ใช้กับงานสูบน้ำออก เช่น งานน้ำท่วม บ่อน้ำพุ มีกำลังส่งต่ำ แต่สูบน้ำได้ปริมาณมากๆ

ลักษณะของเครื่องสูบน้ำ
การแบ่งลักษณะของปั๊มใบพัดหมุน (Turbo Pump) ปั๊มน้ำใบพัดหมุนอาจแบ่งแยกง่ายๆ ตามลักษณะใบพัดได้ 3 ชนิดดังนี้
ปั๊มหอยโข่งแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ (Centrifugal Pump) เฮดน้ำเกิดจากแรงเหวี่ยงหนีศูนย์จากการหมุนของใบพัด ใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถใช้เฮดน้ำสูง
ปั๊มน้ำการไหลแบบผสม (Mixed Flow Pump) ปั๊มชนิดนี้เฮดน้ำเกิดจากแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ของใบพัดส่วนหนึ่ง และเกิดจากแรงดึงน้ำของใบพัด (Impeller Lift) อีกส่วนหนึ่ง
ปั๊มน้ำการไหลตามแนวแกน (Axial Flow Pump) เฮดน้ำจากปั๊มประเภทนี้เกิดจากแรงที่ใบพัดกระทำต่อของเหลวตามแนวแกน ปั๊มชนิดนี้ใช้กันแพร่หลาย เมื่อต้องการปริมาณการไหลมาก และเฮ ดต่ำ
หลักการทำงานของเครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่ง  เครื่องสูบน้ำชนิดโวลูท ดูดน้ำและส่งน้ำได้อย่างไร ?
           ในสมัยที่เราเป็นเด็กเราคงเคยทดลองเล่น โดยให้น้ำหยดบนร่มที่กำลังหมุนใช่ไหม? น้ำหยดเล็กๆ จะถูกเหวี่ยงให้กระจายออกจากร่มที่กำลังหมุนอยู่นั้นในทำนองเดียวกันถ้าเราขว้างตุ้มฆ้อน เราต้องหมุนตัวเราให้เร็วที่สุดก่อน  เพื่อที่จะขว้างตุ้มค้อนให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ขอให้เรามาทำการทดลองดูสักอย่างโดยอาศัยเครื่องมือง่ายๆ ที่ปรากฏในรูปข้างซ้ายมือนี้ เมื่อใบพัด (impeller) ที่ก้นของอุปกรณ์หมุนน้ำจะหมุนตามไปด้วย การหมุน ทำให้ผิวน้ำยุบตัวต่ำที่สุดตรงส่วนกลาง และระดับน้ำสูงสุดตามบริเวณขอบของอุปกรณ์ เหตุผลก็คือว่าน้ำเคลื่อนที่ออกจากศูนย์กลางของการหมุนภายใต้การกระทำของแรงหนีศูนย์กลางที่เกิดจากการหมุนนั้น ความดันภายในของน้ำจะ ลดที่บริเวณศูนย์กลางแต่จะเพิ่มมากขึ้นที่บริเวณขอบโดยหลักการแล้วเครื่องสูบน้ำชนิดโวลูทก็เหมือนกับอุปกรณ์ทดลองที่แสดงมาแล้วข้างบนนี้ คือเมื่อใบพัดในเครื่องสูบหมุน ความดันของน้ำจะเพิ่มมากขึ้น เพราะแรงหนีศูนย์กลางน้ำ จะถูกเหวี่ยงออกจากบริเวณศูนย์กลางการหมุนอย่างต่อเนื่อง
ลักษณะของเครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่ง
            โดยปกติเราจะใช้ตัวแปร 4 ตัวแปร เป็นเครื่องบอกลักษณะการทำงานของเครื่องสูบน้ำแต่ละขนาด ลักษณะการทำงานของเครื่องสูบน้ำแต่ละขนาดโดยใช้ตัวแปร 4 ตัวเป็นตัววัดเรียกว่า พฤติลักษณะ  (characteristic) ของเครื่องสูบ ตัวแปรเหล่านี้ได้แก่อัตราการสูบ ,เฮดหรือความสูงของน้ำที่สามารถส่งขึ้นไปได้ ,กำลังที่เพลา และประสิทธิภาพ
1. อัตราการสูบ (Flow Rate) หมายถึงปริมาณ หรือจำนวนของน้ำที่เครื่องสูบแต่ละเครื่องสูบได้ต่อหน่วยของเวลา โดยมากจะใช้หน่วยของอัตรสูบ ม3 /นาที หรือ ลิตร/นาที อย่างไรก็ตามขนาดของเครื่องสูบ นิยมเรียกตามขนาดของท่อดูด ดังนั้นมาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (JIS) จึงได้จัดทำตารางเครื่องสูบที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างขนาดท่อดูดที่เหมาะสมที่อัตราการสูบหนึ่งๆ ดังแสดงในตารางด้านซ้ายมือ
2. เฮด (Head) คือแรงดัน หรือความสูงที่เครื่องสูบน้ำทำได้ ถือเป็นธรรมเนียมว่าให้ใช้ หน่วยความสูงของน้ำที่เป็นค่าเฮด และใช้หน่วยเป็นเมตร (ม.) พฤติลักษณะของเครื่องสูบแบบโวลูทก็คือ อัตราการไหลจะ เป็นปฎิภาคกลับกับเฮด หรืออีกนัยหนึ่งก็คือว่าถ้าอัตราการไหลสูงเฮดจะต่ำ และถ้าอัตราการไหลต่ำเฮดจะสูง เราสามารถสร้างชาร์ตแสดงความสัมพันธ์ของอัตราการไหลกับเฮดได้โดยให้เฮดอยู่ในแนวแกนตั้ง และอัตราการไหลในแนว แกนนอน อัตรการไหลที่เฮดต่างๆ เมื่อกำหนดแต่ละค่า และเชื่อมต่อจุด (พลอต) เหล่านี้ด้วยกันก็จะได้เส้นโค้งที่ลดต่ำลงจากซ้ายไปขวาดังรูปที่แสดงทางซ้ายมือ
3. กำลังเพลา (Shaft power) กำลังของเครื่องดันกำลังเหมือนปั๊มน้ำบาดาลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขับเพลาของเครื่องสูบน้ำให้หมุนตามรอบที่กำหนด กำลังเครื่องฉุดถ่ายทอดผ่านเพลาไปสู่เพลาของ เครื่องสูบน้ำ เรียกว่า กำลังเพลา ถ้าเราจะสร้างชาร์ตแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างกำลังเพลากับอัตราการไหล เราก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับชาร์ตแสดงความสัมพันธ์ของเฮดกับอัตราการไหล โดยให้แกนนอนเป็นอัตราการไหล เหมือนเดิม แต่ให้แกนตั้งเป็นกำลังเพลาแทน ในกรณีเช่นนี้กราฟจะโค้งตกจากขวาไปซ้าย กำลังของเครื่องสูบจะต้องมีมากพอที่จะชดเชยกำลังที่สูญเสียไปในเพลา โดยปกติแล้วจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นเครื่องดันกำลัง ในกรณีอย่างนี้ จะคิดเป็นกิโลวัตต์ (kW) แต่ถ้าเป็นเครื่องสูบเป็นเครื่องยนต์กำลังสูบคิดเป็นแรงม้า (PS)
ประสิทธิภาพ (Efficiency) สัดส่วน (ratio)  ราคาปั๊มน้ำ (price)ของงานที่ได้จากเครื่องสูบ (หมายถึง กำลังที่ใช้ในการยกน้ำทางทฤษฏี) เมื่อเปรียบเทียบกับกำลังของเพลาที่ได้จากเครื่องฉุด เรียก ว่าประสิทธิภาพ ค่านี้มักจะแสดงหน่วยเป็นเปอร์เซนต์ (%) เส้นโค้งแสดงพฤติลักษณะของเครื่องสูบน้ำเมื่อใช้แกนตั้งเป็นประสิทธิภาพ และแกนนอนเป็นอัตราการไหล
สิ่งที่ควรรู้ในการซื้อปั้มน้ำ
1. รู้ปริมาณน้ำ
2. รู้จำนวนแรงม้า
3. รู้ขนาดท่อดูดท่อส่งของปั๊มว่ากี่นิ้ว
4. ไฟที่ใช้ว่ากี่เฟส
5. รู้ระยะทางการส่งน้ำ
การเลือกซื้อปั๊มน้ำอัตโนมัติ
1.รู้รายละเอียดการใช้น้ำ เช่น ถ้าจะติดตั้งสปริงเกลอร์ต้องรู้ปริมาณน้ำและแรงดันของสปริงเกลอร์
2.เลือกปั๊มน้ำ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ปั๊มทะเล/เคมีสำหรับสูบน้ำทะเลหรือเคมี, ปั๊มหอยโข่งสำหรับงานเกษตร,งานสปริงเกลอร์,งานประปาหมู่บ้านหรืองานดับเพลิง , ปั๊มแช่สำหรับงานดูดน้ำบาดาล,น้ำดีหรือน้ำเสีย
3.เลือกขนาดของปั้มน้ำ ในการเลือกปั๊มต้องดูว่าปั๊มสามารถจ่ายปริมาณน้ำได้มากแค่ไหนเพียงพอกับการใช้งานหรือไม่และที่แรงดันน้ำที่ต้องการ เช่น
           - ปริมาณน้ำ 280 ลิตร/นาที หรือ 30 m3 / h (ลูกบาศก์เมตร / ชั่วโมง)
           -แรงดัน5บาร์(10 m=1bar ) ระยะทางส่ง50เมตรเท่ากับ 5บาร์
           - ขนาดมอเตอร์ 220 V.หรือ380 V (Volt แรงดันไฟฟ้าที่จ่ายเข้ามอเตอร์)
           -50 Hz. (Hertz ความถี่ไฟฟ้าที่มอเตอร์ใช้)
           - 400 W. (Wat กำลังไฟฟ้าที่มอเตอร์ใช้)
           - 1.6 A. ( Amp กระแสไฟฟ้า ที่มอเตอร์ใช้)

วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เกษตรอินทรีย์ : โอกาสใหม่ของเกษตรกรไทย

เกษตรอินทรีย์ : โอกาสใหม่ของเกษตรกรไทย

การทำเกษตรกรรมของไทยมักพบปัญหาการขาดทุนเนื่องจากเครื่องปั่นไฟราคาสูงขึ้น ซึ่งหนึ่งในต้นเหตุของปัญหานี้เกิดจากรายจ่ายในการจัดซื้อสารเคมีจำนวนมาก มาใช้เพื่อเร่งผลผลิต อย่างไรก็ตาม หากผลผลิตที่ได้มีราคาตกต่ำ การขาดทุนก็ยังคงมีอยู่อย่างไม่จบไม่สิ้น ในสมัยนี้กระแสการดูแลรักษาสุขภาพของประชากรโลกเริ่มมีมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจในการเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัยและปราศจากสารเคมีต่าง ๆ ที่เป็นพิษต่อร่างกาย ด้วยเหตุนี้เกษตรกรหลายรายจึงคิดหาวิธีการทำเกษตรกรรม แนวใหม่ เรียกว่า เกษตรอินทรีย์ (Organic Agriculture) โดยใช้เครื่องปั่นไฟมือสองเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและได้ผลผลิตที่เป็นที่ต้องการของตลาด โดยการขยันประยุกต์ใช้ธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการใช้ปัจจัยการผลิตภายนอกและหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์ ซึ่งอย่างการทำเกษตรแนวนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค
เกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย
สหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (International Federation of Agriculture : IFOM) ให้คำนิยามของเกษตรอินทรีย์ว่าเป็น “ระบบการเกษตรที่ผลิตอาหารและเส้นใยด้วยความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยเน้นความเชื่อปรับปรุงบำรุงดิน การเคารพต่อศักยภาพทางธรรมชาติของพืช สัตว์ และนิเวศการเกษตร เกษตรอินทรีย์จึงลดการใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าและอาจลดปัจจัยการผลิตภายนอก และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์ เช่นปุ๋ย สารกำจัดศัตรูพืช และเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ และในขณะเดียวกันก็บากบั่นประยุกต์ใช้ธรรมชาติในการเพิ่มผลผลิตและพัฒนาความต้านทานโรคของพืชและสัตว์เลี้ยง” หลักการเกษตรอินทรีย์จึงเป็นหลักการสากลที่สอดคล้องกับข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ สังคม ภูมิอากาศและวัฒนธรรมของท้องถิ่น เนื่องจากก่อให้เกิดผลผลิตที่ปลอดภัยจากสารพิษ และช่วยฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน มีหลักการของการอยู่ร่วมกันและพึ่งพิงธรรมชาติทั้งบนดินและใต้ดิน ใช้เหตุการผลิตอย่างเห็นคุณค่า และมีการอนุรักษ์ให้อยู่อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบบเป็นองค์รวมและความสมดุลที่เกิดจากความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศทั้งระบบ
ภาครัฐและเอกชนไทยเริ่มตื่นตัวที่จะพัฒนาสินค้าเกษตรของไทยเช่นเครื่องพ่นยา ให้มีคุณภาพและปราศจากสารพิษตกค้าง หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้นำเข้าสินค้าเกษตรของไทยเริ่มสำรวจคุณภาพ สินค้าอย่างเข้มงวด เนื่องจากพบว่ามีสารเคมีปนเปื้อน ซึ่งสร้างความฉิบหายให้กับภาคเกษตรอย่างมาก ทางภาครัฐจึงรณรงค์ให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งแบ่งการผลิตได้เป็น 2 แบบ คือ
1. เกษตรอินทรีย์แบบพื้นบ้าน ผลิตเพื่อการบริโภคในครัวเรือนเป็นหลัก และมีการนำผลผลิตบางส่วนไปทำการค้าในตลาดท้องถิ่น แต่ผลผลิตนี้จะไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
2. เกษตรอินทรีย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เป็นการทำการเกษตรเพื่อซื้อขายผ่านทางระบบตลาด และหากตรารับรองมาตรฐานทัดเทียมกับมาตรฐานจากต่างประเทศ จะทำให้ผลผลิตสามารถส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศได้ด้วย เกษตรอินทรีย์ของไทยยังอยู่ในช่วงระยะเริ่มแรก กลุ่มผู้ทำการเกษตรอินทรีย์ยังมีจำนวนรวมจำกัด ผู้ประกอบการและ ผู้ผลิตที่สำคัญได้แก่ เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ที่ทำงานร่วมกับสหกรณ์กรีนเนท จำกัด และมูลนิธิสายใยแผ่นดิน คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 55.89 ของเกษตรกรที่ทำการผลิตเกษตรอินทรีย์ และมีพื้นที่ทำการเกษตรอินทรีย์คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.14 ของพื้นที่เกษตรอินทรีย์ทั้งหมดภายในประเทศ เป็นที่สังเกตว่า บริษัทอุตสาหกรรมการเกษตรขนาดใหญ่ที่เป็นหน่วยงานของภาคเอกชน ซึ่งดำเนินกิจการสินค้าเกษตรเคมีอยู่เดิม เริ่มเข้ามามีบทบาทในการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์มากขึ้น เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศอุตสาหกรรมเป็นหลัก เนื่องจากความต้องการเพิ่มสูงขึ้น
การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยเป็นการผลิตแบบง่ายๆ ไม่ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน ผลผลิตที่ได้ก็เป็นสินค้าพื้นฐาน เช่น ข้าว ผักและผลไม้ ส่วนการแปรรูปสินค้ายังมีน้อย เพราะวัตถุดิบมีปริมาณไม่มาก ปัจจุบันมีผลผลิตที่จำหน่ายออกสู่ตลาดประมาณไม่เกิน 6,000 ตันต่อปี สำหรับสินค้าที่ไทยส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศได้แก่ ข้าว กล้วยหอม หน่อไม้ฝรั่ง กระเจี๊ยบเขียว สับประรด ขิง และสมุนไพรอีกหลายชนิด ตลาดเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทยยังเป็นตลาดของผู้ผลิตคือ การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ยังมีจำนวนน้อย ผู้ผลิตสามารถเป็นผู้กำหนดการตลาดได้ค่อนข้างมาก ราคาผลผลิตก็มีแนวโน้มสูงกว่าราคาสินค้าเกษตรทั่วไปประมาณร้อยละ 20-50 การที่ระดับราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไปนี้ ไม่ได้เป็นเพราะว่ามีจำนวนรวมการผลิตต่ำกว่าความต้องการของตลาดเท่านั้น แต่เนื่องจากเกษตรอินทรีย์จะต้องมีหลักประกันในเรื่องราคาผลผลิตที่ยุติธรรม ต่อผู้ผลิต จึงทำให้ต้นทุนการผลิตเกษตรอินทรีย์ค่อนข้างสูงกว่าการผลิตทั่วไป อย่างไรก็ดีมีการวิจัย พบว่า ผู้บริโภคจะยอมรับราคาผลผลิตที่สูงไม่เกินร้อยละ15-20

เกษตรอินทรีย์ในตลาดโลก
ยุคปัจจุบันสินค้าเกษตรอินทรีย์เช่นเครื่องตัดหญ้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ทั้งนี้จากผลการสำรวจของศูนย์การศึกษาการค้าระหว่างประเทศ พบว่า ความต้องการสินค้าในปี 2541 สูงถึง 13,000 ล้านดอลลาร์สรอ. และในปี 2543 เพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ล้านดอลลาร์สรอ. อัตราการขยายตัวของตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์โดยเฉลี่ยในแต่ละปีสูงถึงร้อยละ 20
ในปี 2546 มูลค่าการค้าอาหารเกษตรอินทรีย์ในตลาดโลกมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 1-2 ของตลาดอาหารทั้งหมด และมีการคาดการณ์ว่าส่วนแบ่งตลาดจะเพิ่มเป็นร้อยละ 5-10 ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ประเทศที่มีการบริโภคอาหารเกษตรอินทรีย์ค่อนข้างสูงได้แก่ ประเทศในสหภาพยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดเยอรมนี มีมูลค่าถึง 2,800-3,100 ล้านดอลลาร์สรอ. ในขณะที่สวิตเซอร์แลนด์มีสัดส่วนของอาหารเกษตรอินทรีย์ใน ตลาดอาหารสูงสุด คือ ร้อยละ 3.2-3.7 ส่วนอาหารเกษตรอินทรีย์ที่นิยมบริโภคได้แก่ กาแฟ ข้าว ชา ผักและผลไม้
สมมุติว่าขณะนี้รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ จะมีนโยบายสนับสนุนการผลิตอาหารเกษตรอินทรีย์ภายในประเทศ แต่กำลังการผลิตก็ยังไม่สามารถขยายตัวได้ทันกับความต้องการ เช่น ฝรั่งเศสที่เป็นประเทศผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก มีพื้นที่การผลิตอาหารเกษตรอินทรีย์เพียงร้อยละ 0.3 ของพื้นที่การเพาะปลูกทั้งหมด ส่วนปริมาณการบริโภคอาหารเกษตรอินทรีย์ของสหราชอาณาจักรมีมูลค่าประมาณ 450 ล้านดอลลาร์สรอ. ต้องนำเข้าถึงร้อยละ 60-70 ของปริมาณการบริโภคทั้งหมด ดังนั้นประเทศที่สามารถผลิตสินค้าเกษตรจึงหันมาผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์เพื่อการค้า ถึงกว่า 100 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วยประเทศในแอฟริกา 27 ประเทศ เอเชีย 18 ประเทศ อเมริกาใต้ 25 ประเทศนอกเหนือจากประเทศในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ทั้งนี้ประเทศที่กำลังเจริญจะเป็นผู้นำในการผลิตสินค้าประเภทกาแฟ ข้าว ชา สมุนไพร ผัก และผลไม้ ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วจะเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทปศุสัตว์และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นส่วนใหญ่
ทางเลือกใหม่ของเกษตรกรไทย
แม้ว่าตลาดเกษตรอินทรีย์จัดว่าเป็นตลาดใหม่สำหรับเกษตรกรไทย แต่ด้วยแนวโน้มของตลาดที่เติบโตขึ้นเป็นลำดับ จากการที่ผู้บริโภคต้องการสินค้ามากขึ้น ตามที่ความใส่ใจในด้านสุขภาพ ขณะที่ผู้ผลิตมีจำนวนจำกัด การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ออกสู่ตลาดของเกษตรกรไทยจึงเป็นหนทางที่สดใสกว่าที่ไทย จะยังคงผลิตสินค้าเกษตรทั่วไปแข่งขันกับประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย หรือเวียดนาม ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าไทยมาก การปรับเปลี่ยนมาผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ ย่อมจะทำให้ไทยมีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีความได้เปรียบทั้งทางด้านภูมิศาสตร์และ ภูมิอากาศ อีกทั้งยังเป็นประเทศผู้ประดิษฐ์และส่งออกอาหารที่สำคัญ จึงย่อมมีโอกาสที่จะพัฒนาศักยภาพให้เป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของ โลกได้ แต่ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้เพียงใดนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง เช่น การสร้างความเข้าใจและความรู้ให้แก่เกษตรกร การให้บริการตรวจสอบรับรองกฏเกณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ เป็นต้น จึงนับได้ว่าเกษตรอินทรีย์เป็นทางเลือกใหม่ของเกษตรกรไทย ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตรและอาหารของประเทศ ในขณะเดียวกันจะช่วยเสริมให้โครงการ Food Safety ของรัฐบาลประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น และมีผลดีต่อเนื่องในด้านคุณภาพชีวิตของเกษตรกรจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งเกิดผลประโยชน์ทางอ้อมต่อสังคมและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติในที่สุด

สิ่งที่ควรรู้การปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ


สิ่งที่ควรรู้การปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ  เป็นการปลูกผักไว้บริโภคเองในครอบครัว โดยไม่ใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงและวัชพืช  ซึ่งในปัจจุบันนี้ผักที่วางขายตามท้องตลาดมีสารเคมีตกค้างค่อนข้างมาก  ทำให้เป็นพิษภัยต่อผู้

บริโภค   การปลูกฝังให้เด็กนักเรียนรู้จักปลูกพืชผักไว้กินเองจะช่วยประหยัดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ในครอบครัวสอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวง
             ยุคปัจจุบันสภาพปัญหาทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของผู้บริโภคอย่างมาก  รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย   ผู้ปกครองไปรับจ้างต่างจังหวัดทิ้งลูกอยู่บ้านกับตายายรอรับเงินช่วงสิ้นเดือน   ซึ่งเป็นที่มาทำให้เด็กไม่

รู้จักวิธีการทำงาน  วิธีเพิ่มรายได้ในครอบครัว
กิจกรรมการปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษในโรงเรียนจะทำให้นักเรียนได้ศึกษาเล่าเรียนวิธีการปลูกการดูแลรักษาโดยไม่ใช้สารเคมี  เป็นกิจกรรมที่นักเรียนสามารถนำไปปฏิบัติที่บ้านได้
          จังหวัดสุรินทร์   มีพื้นที่ที่เหมาะในการปลูกพืชผักได้ตลอดปี   สภาพดินบริเวณแปลงเกษตรเป็นดินเหนียวเพราะนำดินที่ขุดจากสระมาถมพื้นที่แปลงเกษตร   ได้ปรับปรุงแก้ไขโดยใส่แกลบสดแกลบเผา  ปุ๋ยคอก  ปุ๋ยหมัก  สภาพ

ของดินดีขึ้น   ในช่วงหน้าฝนปลุกข้าวโพด   มะเขือ   ถั่ว    ปลายฤดูฝนปลูกพืชผักตามฤดูกาล   นักเรียนที่ปฏิบัติการปลูก   ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่   5  ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่   3   โดยแบ่งแปลงให้แต่ละชั้นรับผิดชอบ
        ในการทำงานทำการปลูกในช่วงฤดูฝนให้นักเรียนชั้น   ม. 1 - 3  ลงปฏิบัติ   ส่วนชั้น  ป. 5 - 6   ลงปฏิบัติช่วงปลายฤดูฝน   ขณะลงปฏิบัติงานให้อาจารย์ประจำชั้นช่วยควบคุมดูแลโดยแบ่งให้รับผิดชอบแปลงละ   2 - 3   คน  ปลูก

ผักหมุนเวียนตลอดปีการศึกษา
       กิจกรรมการปลูกสวนครัวปลอดสารพิษฝึกให้นักศึกษามีความรับผิดชอบ  มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  รู้จักช่วยเหลือเพื่อน    มีความรู้ความเข้าใจวิธีการปลูกผักปลอดสารพิษ  รู้จักใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่นให้เกิดกำไรและสามารถนำไป

ปฏิบัติที่บ้านได้
   การปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษทำให้ชีวิตปลอดภัยจากสารเคมี  ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว   เด็กนักเรียนสามารถนำไปปฏิบัติที่บ้านเป็นแบบอย่างในที่ส่วนรวมได้
การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชผัก เพื่อให้ได้ผลผลิตพืชผักที่ปลอดภัยจากสารพิษ ควรใช้หลาย ๆ วิธี ผสมผสานกัน ทั้งวิธีกล การใช้สารชีวินทรีย์ สารธรรมชาติ และสารเคมีร่วมกันในการป้องกันกำจัดควบคู่กันไปกับการจัดการที่ดี
การเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรเก็บในระยะที่มีอายุแก่เหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของพืชผัก เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณค่าทางอาหาร รสชาติ และประเภทรูปร่าง สีสัน ความสุกเหมาะสมและดีที่สุด เมื่อถึงมือผู้บริโภค การเก็บเกี่ยวควรทำด้วย

ความระมัดระวัง อย่าให้เกิดร้อยช้ำ รอยขีดข่วน เพื่อรักษาคุณภาพให้ดีที่สุด การสูญเสียของพืชผักหลังการเก็บเกี่ยวมีสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณอากาศร้อนของประเทศไทย ผักกินใบเป็นผักที่เน่าเสียได้ง่าย โดยเฉพาะหาก

ในระหว่างเก็บเกี่ยวผักมีการ บอบช้ำ ฉีกขาด หรือเป็นแผลจากการเก็บเกี่ยว และการขนย้ายที่ไม่ดีทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ เข้าทำลายง่ายดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการเสียของพืชผักควรต้องมีการปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสมทั้ง

ก่อนการเก็บเกี่ยว และหลังการเก็บเกี่ยว
การรักษาคุณลักษณะผลผลิตพืชผักเบื้องต้นในแปลงหลังการเก็บเกี่ยวแล้ว ควรรีบนำเข้าที่ร่ม อย่าให้ตากแดด แล้วเร่งรีบระบายความร้อนภายในผลผลิตลง โดยการแผ่ออก อย่าวางสุมทับซ้อนกัน

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

เครื่องดูดฝุ่นอย่างไหน เหมาะสำหรับ ห้องทำงานของคุณ


เครื่องดูดฝุ่นอย่างไหน เหมาะสำหรับ ห้องทำงานของคุณ
ไม่ว่าห้องทำงาน (อดิเรก) ของคุณจะอยู่ที่ไหน ข้างบ้าน ในสวน โรงรถ บนโต๊ะกินข้าว หรือห้องเป็นสัดเป็นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นวัตถุสำคัญประการหนึ่งที่ช่วยให้การทำงานสะดวกราบรื่นกิคือ สะอาด...ลงทุนกับเครื่องดูดฝุ่นสักเครื่อง

แล้วจะพบว่า คุณสนุกกับงานอดิเรกขึ้นเยอ (เพราะคนข้าง ๆ จะไม่บ่นเรื่องฝุ่นเต็มบ้านอีกต่อไป)

เลือกเครื่องดูดฝุ่น ต้องดูอะไรบ้าง
1. กำลังไฟและพลังแรงดูด
กำลังไฟ คือ ปริมาณไฟที่เข้าสู่เครื่อง หรือ Power Input เป็นค่าที่บ่งบอกว่า เครื่องดูดฝุ่นนั้น ๆ กินไฟเท่าไรต่อชั่วโมง มีหน่วยเป็นวัตต์ คนส่วนใหญ่มักคิดว่า กำลังไฟยิ่งมาก หมายถึงสามารถดูดได้ แรงกว่า แต่ไม่ใช่

ความจริงเสมอไป ต้อง ดูค่าพลังแรงดูดที่เป็น Power Output ซึ่งจะบอกถึงแรงดูดของเครื่องด้วย มี หน่วยเป็นวัตต์เหมือนกัน แต่ตัวเลข น้อยกว่า

2. ค่าหมุนเวียนอากาศ (Air Flow)
เป็นค่าที่บ่งบอกความไวในการดูดฝุ่น เข้าสู่ตัวถัง ขึ้งแสดงถึงความสามารถ ในการดูดของเครื่องนั้นๆได้ดีกว่ากำลังไฟ มีหน่วยเป็น CFM (ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที) หรือ 1/sec. (ลิตรต่อวินาที)

3. ระบบกรองฝุ่น
สำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นโรคภูมิแพ้หรือที่บ้านมีสัตว์เลี้ยง เนื่องแต่ ในการทำงานของเครื่องดูดฝุ่นนั้นไม่ใช่ แค่ดูดลมเข้าไป แต่ต้องเป่าลมออกที่ ด้านหลังของเครื่องด้วย ระบบกรองที่ดี จะช่วยกรองให้ลมที่ออกมานั้นสะอาด

ควรเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรองที่ เรียกว่า HEPA Filter ขึ้งสามารถถอด ล้างได้ สมัยปัจจุบันเครื่องรุ่นใหม่ ๆได้พัฒนา ให้มีระบบกรองชนิดนี้ แม้แต่เครื่องแบบ ใช้งานหนัก


4. ภาชนะเก็บฝุ่น
ภาชนะที่ใช้กักเก็บฝุ่นของเครื่องดูดฝุ่นหลัก ๆ แล้วมี 3 ชนิด อย่างไรก็ตาม ไม่ควรมองข้ามความจุของภาชนะ เก็บฝุ่น ถ้าจุได้มากก็ไม่ต้องเทบ่อย ๆ

ถุงกรองฝุ่น ข้อดีคือ เมื่อถุงเต็มก็ทิ้ง ลงกังขยะได้สะดวกมาก ผู้ใช้ไม่ต้องสัมผัส กับฝุ่น แต่มีข้อเสียคือ ต้องจ่ายเงินซื้อ ถุงกรองฝุ่น ซึ่งหลายคนอาจพบปัญหา ถุงกรองรุ่นนั้นๆ เลิกผลิตหรือขาดตลาด ทำให้ไม่สามารถใช้เครื่องได้
กล่องเก็บฝุ่นหรือแบบไร้ถุง (Bagless) แบบนี้ไม่ต้องมีถุง จึงประหยัด มักเก็บฝุ่นได้เยอะกว่า แต่ตอนเทฝุ่นอาจฟุ้ง กระจาย ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ฝุ่น
ถังน้ำมักมาคู่กับเครื่องดูดฝุ่นสำหรับ งานหนักที่ดูดไต้ทั้งฝุ่นและน้ำ ฝุ่นที่ดูดเข้ามาจะเก็บไว้ในกังบรรจุน้ำ ทำให้ตอนเททิ้งฝุ่นไม่ฟุ้ง เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้ฝุ่น มาก ๆ แต่ถังน้ำทำให้เครื่องมีน้ำหนักมาก และต้องล้างถังทุกครั้งที่ใช้งาน

เสร็จ เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราสะสมภายในเครื่อง
อื่นๆ

เลือกเครื่องที่มีหัวดูดให้เหมาะสมกับราคาเครื่องดูดฝุ่นและการใช้งาน เช่น หัวดูดเฟอร์นิเจอร์ หัวดูดมุ้งลวด เป็นต้น
สายไฟที่ให้มาต้องยาวพอและดึงเก็บ โดยอัตโนมัติไต้สะดวก ไม่ติดขัด
ล้อเคลื่อนที่ได้สะดวก
เสียงเมื่อเปิดใช้เครื่องไม่ควรดังเกินกว่า มาตรฐานที่กำหนดคือ 80 เดซิเบล
ท่อและด้ามสำหรับดูดฝุ่นใหญ่โตดี

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

มะละกอต้นเตี้ย แตกกอ ดกสุดๆ อัศจรรย์สุดๆ

มะละกอต้นเตี้ย แตกกอ ดกสุดๆ อัศจรรย์สุดๆ

ปลูกขายได้เหมือนมะละกอทั่วไป ผลผลิตเพิ่ม 3 เท่าตัว
ความเป็นจริงการปลูกมะละกอพันธุ์นี้ถ้าคนในวงการเกษตรหรือคนที่อ่านรักษ์เกษตรประจำจะรู้จักกันดีค่ะ ชื่อ มะละกอกลางดง ค่ะ เพราะเจ้าของตั้งชื่อตามตำบลที่อยู่หลังจากที่ได้พันธุ์มาค่ะ มีการเผยแพร่พันธุ์และปลูกกันมานานหลายปีแล้วค่ะ เป็นมะละกอต้นเตี้ยมากค่ะ ที่แปลกยิ่งกว่ามะละกอทุกสายพันธุ์ ก็คือ พันธุ์นี้แตกกอเองโดยสายพันธุ์ค่ะ ต้นหนึ่งจะแตกกิ่งตรงโคนต้นออกมาเป็นจำนวนมากค่ะ แต่เราเลือกไว้เพียง 3-4 กิ่งนะคะ ไม่อย่างนั้นกิ่งมันจะชนกันค่ะ แล้วลูกมะละกอจะไม่ค่อยใหญ่ค่ะ
มะละกอพันธุ์นี้เป็นมะละกอที่เหมาะสำหรับทานดิบเพราะเนื้อจะกรอบ อร่อยค่ะ ติดดกมากๆ ปลูกเชิงการค้าได้ค่ะป้อนตลาดส้มตำและมีเกษตรกรที่ปลูกขายกันมาหลายปีแล้วค่ะ ผลสุกทานได้อร่อยเหมือนกันแต่จะสู้พันธุ์สำหรับทานสุกโดยเฉพาะอย่างฮอลแลนด์ หรือ แขกดำไม่ได้ค่ะ
วิธีปลูกมะละกอและการให้ผลิตผลเหมือนมะละกอทั่วไปค่ะ ยืนยันปลูกมะละกอพันธุ์นี้ไว้ ถามกันทั้งหมูบ้านค่ะ ต้นกล้าเมือก่อนแพงมากค่ะ ตอนนี้มูลค่าไม่แพงล่ะ ปกติขายต้นละ 50 บาทค่ะ

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้ร่วมทีมในโครงการปลูกแคนตาลูปส่งมูนสตาร์


เอาความคืบหน้าของ ผู้ร่วมทีมในโครงการปลูกแคนตาลูปส่งมูนสตาร์ของเราที่ใช้เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กช่วย ที่ จ.กาญจนบุรี มาฝากค่ะ แปลงนี้อายุเกือบเดือนละ ถ่ายมาคราวที่แล้วต้นเล็กอายุ 18 วัน ต้นยังเล็กอยู่เลยค่ะ ผ่านมาแค่ 10 กว่าวัน อัดปุ๋ย อัดยาเข้าไป พุ่งปรี๊ดเลย อย่างที่เห็นเลยค่ะ ยอดพุ่งไปเกือบถึงเชือกเส้น 3 เลย ติดลูกเกือบเท่าไข่ไก่ล่ะ อีกไม่กี่วันจะแขวนลูกล่ะ เดี๋ยวเข้าไปสอนวิธีการแขวนลูกให้หน่อยค่ะ พร้อมกับเยี่ยมกันด้วยค่ะ แปลงนี้ถือว่ามีความส่ำเสียน้อยมาก นับต้นเสียหายได้เลยค่ะ เพราะโชคดีที่ฝนไม่ชุกเหมือนบางพื้นที่ โรค-แมลงเลยไม่มากค่ะ ไวรัสก็น้อยมากๆค่ะ
คุณขนิษฐา ความเป็นเจ้าของแปลงนี้เป็นผคนที่เคยเปิดร้านขายแม่แรงกระปุกมาก่อน ชาวไร่อ้อย ไร่มัน ที่ตัดสินใจไถมันทิ้งแล้วเอาพื้นที่ 2 ไร่ แบ่งมาปลูกแคนตาลูปกับเราในโครงการค่ะ เพราะมองเห็นความหวังและอนาคตที่ดีกว่าค่ะ 2 ไร่ 6,000 ต้น กับงานที่ต้องทุ่มและเหนื่อยกว่าการทำไร่อ้อย ไร่มันเยอะค่ะ แต่แคนตาลูปก็จะให้ผลได้ที่ดีและรายได้ที่คุ้มค่าเหนื่อย ไม่ต้องรอนานเป็นปีเหมือนอ้อยกับมัน กับรายได้เพียงปีละครั้ง ยังไงก็จะไม่ต้องเสียใจแน่นอนค่ะที่ตัดสินใจไถมันทิ้ง และเราจะพาคุณไปสู่ความสำเร็จให้ได้ เลื่อยโซ่ยนต์ราคาไม่แพงมาก แม้ว่ามันจะเป็นการปลูกแคนตาลูปครั้งแรกในชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวัง ความตั้งใจและพลังที่สู้เต็มร้อยค่ะ
หลังเห็นความสำเร็จที่แม้จะเพียงครึ่งทาง แต่คุณขนิษฐาตัดสินใจไถมันทิ้งอีก 2 ไร่ เตรียมลงรุ่น 2 กับเราแล้วค่ะ นี่คือความเชื่อมั่นที่มีให้กับโครงการ
เราจะศึกษาเล่าเรียนไปพร้อมกันและเดินไปพร้อมกันค่ะ ขอแค่มีความกล้าหาญชาญชัยและแน่ใจที่จะเดินไปข้างหน้าค่ะพร้อมแจกเครื่องพ่นสีฟรีคะ

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

เกื้อกูลวิทยา มาทำความรู้จักปั๊มน้ำกัน

เกื้อกูลวิทยา มาทำความรู้จักปั๊มน้ำกัน

ปั๊มน้ำ เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกสายหนึ่งที่ใช้มาก ในอุตสาหกรรมและ ตามบ้านเรือน โดยเฉพาะเจาะจงตามที่พักอาศัยซึ่งเป็นอาคารชุด ตามอาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ต่างๆ หรือในบางพื้นที่ที่ต้องการสูบน้ำจากใต้ดินขึ้นมาใช้
ดังนั้นการรู้จักมักคุ้นซื้อ รู้จักวิธีใช้และการติดตั้ง “ปั๊มน้ำ” อย่างถูกวิธีจะไม่ก่อให้ เกิดการรั่วไหลและสิ้นเปลืองพลังงานและเป็นการใช้ไฟฟ้าและใช้น้ำอย่างมี ประสิทธิภาพ

แบบของปั๊มน้ำ (ตามลักษณะการทำงาน)
ปั๊มแบบใบพัด
ปั๊มชนิดนี้ภายในเรือนปั๊ม จะมีใบพัด ปฏิบัติหน้าที่สร้างความดัน จากการหมุนที่ความเร็วรอบสูงและแรงดันทำให้ น้ำไหลไปตามท่อที่ต่อ'ไว้ได้ นิยมนำมาใช้ใน อุตสาหกรรมและตามที่อยู่อาศัยทั่วไป เพราะ การไหลของนาจะต่อเนื่องสม่ำเสมอ

ปั๊มแบบลูกสูบ
ปั๊มน้ำวิธนี้เรือนปั๊มหอยโข่งเป็นกระบอกสูบ ภายในจะมีลูกสูบ ทำหน้าที่สร้างความดันจากการเคลื่อนที่ของลูกสูบ ทำให้ขนาดของ กระบอกสูบลดลงเกิดเป็นความดันเพื่อขับดันนาให้ไหลไปได้ แต่การไหลของนา จะเป็นช่วงๆ ตามจังหวะการเคลื่อนที่ของลูกสูบ ส่วนใหญ่นำไปใช่ในงาน ที่ต้องการความดันสูง

การทำงานของปั๊มน้ำ
ปั๊มน้ำที่ใช้ภายในบ้านเป็นชนิดที่มี ใบพัดภายในหัวปั๊มหรือปั๊มน้ำบาดาล  ใบพัดเป็นตัวสร้างความดันเพื่อ ขับดันให้น้ำไหลไปได้โดยมีชุดสวิตซ์ความ ดันเป็นเครื่องมือควบคุมการทำงานของ ปั๊มน้ำ ในการติดตั้งปั๊มน้ำ ท่อส่งน้ำ จะต่อโดยตรงกับจุดใช้น้ำ เช่นฝักบัว ก๊อกน้ำ ชักโครก เป็นต้น ดังนั้นเมื่อเราเปิดฝักบัวหรือก๊อกน้ำ น้ำจะ ไหลออกจากท่อหรือระบบทำให้ความดัน ภายในท่อลดลงส่งผลให้เกิดการดัดต่อของ สวิตซ์ความดัน ปั๊มน้ำจึงทำงาน
การเปิดก๊อกน้ำมีผลต่อการทำงาน ของปั๊มน้ำเป็นอย่างมาก ถ้าเราเปิดก๊อก น้ำเพียง ตัว และน้ำไหลไม่แรงมากแล้ว การทำนจะไม่ตัดต่อบ่อยเพราะยังมี ความตันเหลืออยู่ในเส้นท่อมากควรใช้ปั้มน้ำอัตโนมัติ แต่ถ้าเรา เปิดก๊อกให้น้ำไหลแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่าให้ความดันสูญเสียเร็วขึ้นปั๊มน้ำก็จะ ท่างานบ่อยมากขึ้น ตังนั้นเพื่อเป็นการ กระเบียดกระเสียรน้ำและไฟฟ้าควรเปิดก๊อกน้ำใช้ตามความจำเป็น แต่ในกรณีที่เราจำเป็นจะต้องเปิดใช้น้ำหลายจุด พร้อมกัน เช่น ใช้ฝักบัวอาบน้ำพร้อมกับล้างจานและรดน้ำต้นไม้ จะทำให้ปั๊มน้ำทำงานสม่ำเสมอ ดังนั้นการใช้น้ำในแต่ละจุดจึงไม่ควร เปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้ทุกเวลา

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

บริษัทไจแอ้นท์เรล (Giant Rail Co) เจ้าของสัญญาสัมปทาน


บริษัทไจแอ้นท์เรล (Giant Rail Co) เจ้าของสัญญาสัมปทาน ลงชื่อความตกลงว่าจัดจ้างบริษัทที่ขอคำแนะนำจากมาเลเซีย ให้ออกแบบเลื่อยวงเดือนรายละเอียดของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงรางคู่ ระยะทาง 220 กิโลเมตร จากชายแดนไทยที่เมืองไกสอน พมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต ไปยังด่านลาวบ๋าว ชายแดนเวียดนาม

บริษัทดิจิแม็ป (Digimap Snd Bhd) ผู้จำหน่ายตู้เชื่อมไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่ปรึกษาหารือโครงการอยู่แล้ว จะทำการออกแบบรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้สามารถบุกเบิกการก่อสร้างได้ในปี 2558 นี้ สื่อของทางการลาวรายงานในวันจันทร์ 15 ก.ย.นี้ เกี่ยวกับพิธีเซ็นสัญญาระหว่างสองฝ่ายที่จัดขึ้นในนครเวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 11 สำหรับรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่มีระยะเวลาประทานบัตร 50 ปี มูลค่าราว 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมทั้งมูลค่าการลงทุนพัฒนาสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ด้วย
     
       ไจแอ้นท์เรล ซึ่งเป็นบริษัทลูกของไจแอ้นท์คอนโซลิเดทเต็ด กับดิจิแม็ปเบอร์ฮาร์ดที่จำหน่ายเครื่องมือช่าง ได้เซ็นความตกลงให้สัญญาหลักระหว่างกันเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2555 ในช่วงที่มีการออกันผู้นำอาเซียน ที่ลาวเป็นผู้จัดงาน โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค ในขณะนั้น กับ นายกรัฐมนตรีลาวทองสิง ทำมะวง ร่วมเป็นสักขี สำหรับการก่อสร้างโครงการ ที่จะช่วยเปลี่ยนลาวจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล เป็นประเทศแห่งการต่อเชื่อมอนุภูมิภาค
     
       ทางการลาว กับบริษัทไจแอ้นท์เรล ได้จัดธรรมเนียมเปิดหน้าดินขึ้นในแขวงสะหวันนะเขต ในเดือน ม.ค.ปีนี้ โดยหวังว่าจะสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ทันทีโดยใช้สว่านไฟฟ้า หลังจากล่าข้ามานานแรมปี แต่ในที่สุดก็ยังไม่สามารถลงมือได้ ฝ่ายผู้ลงทุนกล่าวอ้างว่า ระหว่างการการสำรวจความเป็นไปได้ของโครงการนั้น ได้พบวัตถุระเบิดที่หลงเหลือตั้งแต่ครั้งสงครามจำนวนมาก ตามเส้นทางรถไฟฟ้าที่จะสร้างขนานไปกับทางหลวงเลข 9 ซึ่งจะต้องเก็บกู้ให้หมดเสียก่อน
     
       บริษัทจากมาเลเซีย เคยแจกแจงในเดือน พ.ย.2555 ภายหลังการเซ็นสัญญากับรัฐบาลลาว โดยระบุว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ทันทีในปี 2556 การเซ็นข้อตกลงกับบริษัทที่ปรึกษา เพื่อให้ดีไซน์โครงการในรายละเอียดเมือสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญสำหรับโครงการ ในขณะที่งานด้านอื่นๆ ซึ่งรวมทั้งการเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้ดำเนินคู่ขนานกันไป สื่อของทางการกล่าว ในเดือน ก.ค.ปีนี้ ทางราชการลาวกับบริษัทผู้ลงทุน ได้จัดการรวมพลสัมมนาเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับโครงการทางรถไฟความเร็วสูงลาว-เวียดนาม รับประกันในความพร้อมของเงินลงทุน และให้ความมั่นใจแก่ทุกฝ่ายว่า โครงการยังคงเดินหน้าต่อไป แม้ว่าที่ผ่านมาจะเกิดการติดขัดที่ไม่คาดคิดหลายประการตามที่กล่าวมาแล้ว

ถึงกระนั้นก็ตาม จนถึงล่าสุดก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ทางรถไฟความเร็วสูงรางมาตรฐานขนาด 1.435 เมตร ที่ออกแบบเพื่อการคมนาคมและการขนส่งสินค้านี้ จะไปเชื่อมต่อกับระบบรถไฟในเวียดนาม ที่ยังใช้รางกว้างเพียง 1 เมตรอย่างไร และจะก่อสร้างต่อไปอย่างไร หลังจากไปถึงชายแดนเวียดนาม
     
       ตามบันทึกก่อนหน้านี้ ไจแอ้นท์คอนโซลฃิเดทเต็ดที่จำน่ายเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ได้เปิดการเจรจากับทางการเวียดนาม เกี่ยวกับการปลูกสร้างทางรถไฟอีกช่วงหนึ่ง ไปเชื่อมต่อกับระบบรถไฟเวียดนามที่ จ.กว๋างจิ โดยหวังว่าจะสามารถสร้างการเชื่อมต่อไปไปจนถึงท่าเรือน้ำลึกแห่งใหม่ ทางตอนเหนือของนครด่าหนัง ที่อยู่ใต้ลงไปได้
     
       เมื่อมองในเชิงยุทธศาสตร์ ทางรถไฟลาว-เวียดนาม ประสานต่อแผนการก่อสร้างระเบียงขนส่งแนวตะวันออก-ตะวันตก ที่ทะลุเข้าสู่ดินแดนไทย ไปออกทะเลในอ่าวเมาะตะมะของพม่า เช่นเดียวกันกับทางหลวงเลข 9 ที่สามารถทะลุเข้าสู่ไทยได้ในที่สุด และปัจจุบันนี้รอเชื่อมกับทางหลวงสายแม่สอด-มะละแหม่ง ในพม่า ที่กองพลก่อสร้างอยู่ในขณะนี้เท่านั้น

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

การปลูกอ้อยเพื่อตัดทอนทุนเดิมเพิ่มพูนผลผลิต หัวใจสำคัญที่จะอยู่รอดของเกษตรกรชาวไร่อ้อย

การปลูกอ้อยเพื่อตัดทอนทุนเดิมเพิ่มพูนผลผลิต หัวใจสำคัญที่จะอยู่รอดของเกษตรกรชาวไร่อ้อย


ภาพรวมของเกษตรกรชาวไร่อ้อยของประเทศไทย แม้ว่าจะดูทรงตัว มีปมปัญหาน้อยกว่าพืชชนิดอื่นๆ ที่ราคาขึ้นลงแต่ละปีไม่เท่ากัน ในขณะที่ตันทน การผลิตเพิ่มขึ้นทุกปี แต่อ้อยเป็นพืชที่มีการสั่งราคาโดยกฎหมายอย่าง ชัดเจน ทำให้ราคาขายถูกกำหนดขึ้นโดยคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล ซึ่งมี ทุกภาพส่วนเป็นคณะกรรมการ ทั้งผู้ประกอบการ เกษตรกร รัฐบาล อีกทั้งอ้อย ยังเป็นพืชที่มีกองทุนส่าหรับช่วยเหลือเกษตรกรส่วนหนึ่ง ที่เฉลี่ยแล้วไม่ลำบาก เหมือนกับเกษตรกรที่ทำเกษตรกรรมในสาขาอื่นๆ
นายมานะ ไม้หอม นายกสหพันธ์ชาวไร่อ้อยที่เคยจำหน่ายรถตัดหญ้าเขต 6 กำแพงเพชร เปิด เผยกับ เกษตรโฟกัส ว่า หากดูจากสถานการณ์ของเกษตรกรซาวไร่อ้อยที่ผ่านมา ค่อนข้างทรงตัว แต่ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไปมาก นอกจากความช่วยเหลือ จากภาครัฐในการควบคุมราคาทั้งระบบของอ้อยและน้ำตาลแล้ว ลิงสำคัญที่ เกษตรกรซาวไร่อ้อยจะต้องปรับตัวเพื่อเตรียมรับกับสถานการณ์การเพิ่มขึ้นของ ต้นทุนการผลิตในหลายๆ เรื่อง อาทิ แรงงาน ที่ปัจจุปันหายากขึ้น มีค่าแรงสูง ขึ้น แม้ว่าเกษตรกรซาวไร่อ้อยในปัจจุบันจะหันมาใช้เครื่องจักรมากขึ้น แต่ด้วย ความไม่เหมาะสมและลงตัวของพื้นที่ ทำให้เครื่องจักรทำงานไดไม่พอสมควร และ คุ้มค่า เนื่องจากติดปัญหาขนาดของพื้นที่แปลงปลูกของประเทศไทยมีขนาดนั้น
การใช้เครื่องจักรกลขนาดใหญ่ในการทำงานจึงไม่สะดวก และเกิดความล่าช้า

เว้นแต่ปัญหาดังกล่าวแล้ว ในระบบการขนส่ง หรือ”โลจิสติกส์ในการ ขนส่งอ้อยเช้าสู่โรงงาน เกษตรกรก็ต้องเผชิญกับปัญหาราคาน้ำมันและราคาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูง ขึ้นอยู่ตลอดเวลา ตังนั้นหากแปลงปลูกอ้อยของเกษตรกรอยู่ห่างจากโรงงานมากก็จะต้องเสียค่าดำเนินงานจัดการในการขนส่งเพิ่มขึ้นไปอีก ถึง ณ ขณะนี้แม้จะไต้รับ
ความช่วยเหลือจากภาครัฐบาล ในอนาคตก็ ทำให้คาดการณ์ได้ว่า ในเรื่องของราคาขายกับต้นทุนในการปลูก การขนส่ง และเงิน ช่วยเหลือจากกองทุน จะไม่คุ้มค่ากับการ ลงทุนก็เป็นได้

“เหตุฉะนี้ทางรอดสำคัญที่จะทำให้เกษตรกรอยู่รอดได้ในอนาคต คงหนีไม่พ้นเรื่อง การบริหารจัดการ ลดต้นทุนเครื่องมือการเกษตรเช่นปั๊มน้ำหรือเลื่อยยนต์เพื่อเพิ่มผลผลิต โดย ในส่วนของข้อมูลวิชาการ เทคโนโลยี หรือ นวัตกรรมต่างๆ ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเชื่อว่า เกษตรกรได้เรียนรู้และมีความรู้ความเช้าใจกัน อยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรุดหน้า ในตอนนี้คงจะต้องมองที่พันธุอ้อยคุณภาพที่ เหมาะสมกับพื้นที่ โดยจะต้องเป็นพันธุ์ที่ต้านทาน โรคแมลง ซึ่งปัจจุบันเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่ ส่งผลต่อผลผลิตอ้อยเป็นอย่างยิ่ง โดยรวมอาจ จะเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน และอื่นๆ ที่ ข้องเกี่ยว ในส่วนนี้คงจะต้องพึ่งงานวิจัยและ พัฒนาจากภาครัฐเป็นสำคัญ”

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

สนทนาเฟื่องเรื่องมะม่วง การปลูกมะม่วงช่วงเดือนมิถุนายน 2557

สนทนาเฟื่องเรื่องมะม่วง การปลูกมะม่วงช่วงเดือนมิถุนายน 2557

สวัสดีขอรับครอบครัวเกษตรกรไทยที่ชอบปลูกผักทุกท่านสำหรับมะม่วง เมื่อเดือนที่แล้วจัดหาขายเกรดนางฟ้าเกาหลีกันแทบไม่ทัน จนโรงอบไม่เพียงพอต่อการอบไปเกาหลี มาเดือนนี้ตลาด เกาหลีเงียบไปเลย เนื่องจากโดนแตงโมมาเลย์เข้ามาขาย มะม่วง เลยเงียบ เพราะไปกินแตงโมที่ถูกกว่ามะม่วง ทำให้เดือน พฤษภาคมปลายๆ นางฟ้าเลยราคาตกไปเลยครับพี่น้อง หลายๆ บริษัทพยามดันไป หรือโยกไปตลาดจีน ก็โดนมะม่วง ที่ไปเกาหลีไม่ได้ไปรอที่ตลาดจีนกันเต็มไปหมด ราคาดิ่งทันที ปลายทางจีน ประกอบกับมะม่วงจีนทางหนานหนิงเริ่มจะออก กับมะม่วงไต้หวันมาประดังกันพอดี ถามว่าเลวร้ายไหม ก็ไม่ขนาดนั้น แต่ไม่ค่อยยอมรับราคานางฟ้าที่ตกลงแค่นั้นเองครับ แต่ก็คงไม่นานนัก ต้นๆ เดือนนี้ก็ดีแล้วครับ กลางเดือนไปก็ แพงคงเดิม

สำหรับตลาดอินโด ตอนนี้ก็มีมะม่วงท้องถิ่นออกมา แล้ว ไม่กินมะม่วงไทยสักพักหนึ่ง ประกอบกับของไทยสินค้าเกษตรเช่นเครื่องพ่นยาไฟฟ้า มะม่วงปลายเดือนก็ผลิตผลน้อยลงไปแล้วไม่ต้องเหนื่อยแข่งราคากัน สำหรับอินโดนีเซีย แต่ตลาดจีนยังคงต้องดันกับราคาในไทย เพราะในเดือนกรกฎาคม ของในประเทศเรามักน้อย

อย่างไรก็ดีมะม่วงจีนจะออกพอดีการปรากฏซื้อแพงขายถูกก็เดือน นี้ละครับ จะให้ดีก็ขายแค่ภายในประเทศครับช่วงนี้ แพงอยู่แล้ว สำหรับต้นมะม่วงของเชียงใหม่ปีนี้ ผลผลิตสวย เกรด นางฟ้าค่อนข้างมากเลยทีเดียว เพราะไม่ค่อยสวยมาหลายปี ติดกัน ปีนี้แก้มือได้แล้ว สวยๆ ทั้งนั้น เพราะเกษตรกรเก่งๆได้ราคาเครื่องตัดหญ้าที่ถูกลง กันทั้งนั้น สมัยนี้แต่ละสวนก็มีลูกค้าบ่อยจับจองกันทั้งนั้นดีใจแทนครับ มะม่วงก็ดีไปอย่าง ตลาดรอรับซื้อตลอดทั้งปี ทั้งจีน เกาหลี อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นต้น
เพื่อมะม่วงมหาชนกปีนี้ ตลาดผลสดไม่ค่อยดีนักเนื่องจากไฟฟ้าแพงแต่เครื่องปั่นไฟ ราคาถูกลง จะเป็นด้วยสาเหตุอะไรไม,ทราบแน่ซัดนัก แต่ตลาดอืดมากๆ สำหรับผลสดมหาชนก แต่ตลาดแช่แข็งก็พอไปได้มากๆ โรงงาน ส่วนมะม่วงอาทูอีทูไปได้ดีครับสำหรับปีนี้ ไม่พอขาย สำหรับเกรดส่งออก
สรุปค่าของมะม่วงในเดือนมิถุนายนนี้มีอืดๆในช่วงต้นเดือน นิดหน่อย เลยช่วงนี้ไปแล้วตลาดนางฟ้าไปได้ดีละครับ ปีนี้ก็คง ไม่พอขายอยู่ดีมะม่วงเชียงใหม่ปีนี้ ขอให้พี่น้องเกษตรกรดูแล สวนกันดีๆ นะครับ ตาขาวอย่างเดียวที่ไม่ได้ขาย คือพายุมาจาก ไหนไม่รู้ ฟัดซะร่วงหมดด้นแค่นั้นละครับมะม่วงไทย

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

สหพันธ์สื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย จัดถกเถียง

สหพันธ์สื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย จัดถกเถียง

ไขกลเม็ด มะนาวนอกฤดู – เคล็ดลับการขยายพันธุ์มะนาวด้วยใบ
ต้องบอกว่าในช่วง 1-2 ปีมานี้กระแสมะนาวมาแรงแซงหน้าทุกพืชในวงการเกษตรเลยทีเดียว ยิ่งราคามะนาวนอกฤดูของปีนี้พุ่งสูงขึ้นอย่างมากเพราะผลผลิตมะนาวนอกฤดูน้อยกว่าทุกปี ยิ่งทำให้คนทุ่มเทปลูกมะนาวเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเครื่องตัดหญ้าราคาถูกลงมาก มะนาวนอกฤดูยังเป็นเสน่ห์ที่ท้าทายความสามารถและฝีมือของคนปลูกมะนาว เพราะแม้จะมีตำราหรือหลักสูตรความสำเร็จให้ได้เดินตามมากมาย แต่ดูเหมือนหนังสือการทำมะนาวนอกฤดูมีหลายเล่มเหลือเกิน และสุดท้ายคนที่สำเร็จกับมะนาวนอกฤดูจริงๆแล้วกลับมีไม่กี่คน การทำมะนาวนอกฤดูยังเป็นความท้าทายที่ทำให้คนปลูกมะนาวยังต้องสืบสวนความลับมาอยู่ตลอด และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้แม้พื้นที่ปลูกมะนาวจะเพิ่มขึ้นมากมายแค่ไหนแต่มะนาวนอกฤดูก็ยังมีปริมาณไม่มากและไม่เพียงพอกับความต้องการ ขณะที่มะนาวในฤดูกลับยิ่งล้นทะลัก เบื้องหน้าของพืชตัวนี้จะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่น่าคิดอย่างยิ่ง
สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย จึงได้จัดหารือขึ้นในวันที่ 9 ต.ค.2557 ที่ อาคารสารนิเทศ 50 ปี ม.เกษตรศาสตร์ บางเขนเรื่องมะนาวและเครื่องปั่นไฟ โดยมีกำหนดการคร่าวๆ ดังนี้ค่ะ
9.00-12.00 ไขความลับของมะนาวนอกฤดูกับ 3 กูรู
1. อาจารย์วัง สุขประเสริฐ ชาวสวนมะนาวที่ประสบความสำเร็จกับการทำมะนาวนอกฤดูในวงบ่อซีเมนต์กว่า 30 ไร่ จนกลายเป็นวิทยากรที่ได้รับเชิญไปเผยแพร่เทคนิคการทำมะนาวนอกฤดูทั่วประเทศ
2.คุณนิวัติ ปากวิเศษ ประธานสหกรณ์ผู้ปลูกมะนาวบ้านแพ้ว-ดำเนิน จำกัด ชาวสวนที่ประสบความสำเร็จกับการทำสวนมะนาวนอกฤดูกว่า 100 ไร่ ที่รังสิตและบ้านแพ้ว หมายรวม นำนวัตกรรมการแปรรูปมะนาวในช่วงที่มะนาวราคาถูกมาเป็นน้ำมะนาวพร้อมดื่มและน้ำมะนาวเข้มข้น แบรนด์ มีแนว เพื่อเพิ่มมูลค่ามะนาว
3.ดร.วสันต์ ผ่องสมบูรณ์ นักวิชาการเกษตร จากศูนย์วิจัยพืชสวนพิจิตร นักวิชาการที่ศึกษาเล่าเรียนคิดค้นเทคนิคและวิธีการที่จะบังคับมะนาวให้ออกนอกฤดูมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีและถ่ายทอดสู่เกษตรกรจนเป็นแนวทางในปัจจุบัน
13.30-17.00
- แนวการตลาดของมะนาวจะเป็นอย่างไร โดย ผู้รับซื้อมะนาวรายใหญ่ของตลาดไท เจ๊เล็ก ที่รับรับซื้อมะนาวมากถึงวันละ 1,000-1,500 กระสอบ และส่งผลผลิตมะนาวกระจายทั่วประเทศรวมทั้งร้านอาหารต่างๆทั่วประเทศ
-การขยายพันธุ์มะนาวด้วยใบ เคล็ดการขยายพันธุ์แบบใหม่โดยใช้เครื่องพ่นยาเพื่อเพิ่มจำนวนกิ่งพันธุ์ปริมาณสูงสุดกว่าทุกวิธี โดย คุณสุรชัย สมันตรัส ศูนย์เรียนเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ธกส. จ.สตูล
-การขยายพันธุ์มะนาวเชิงการค้า ---การตอน การทาบกิ่ง การเสียบยอด การติดตา การเสียบกิ่งมะนาวบนตอมะขวิด โดยศุภชัย แสงดี เจ้าของสวนเกษตร 12
ครบเครื่องเรื่องมะนาวที่คนปลูกมะนาว คนสนใจการปลูกมะนาว คนที่คิดจะปลูกมะนาว ไม่ควรพลาดค่ะ ค่าสัมมนาคนละ 650 บาท นะคะ เป็นค่าเอกสาร ค่ากาแฟ(เบรก) 2 มื้อและค่าอาหารกลางวัน(บุฟเฟ่)ค่ะ
สนใจสอบถามรายละเอียดหรือจองที่นั่งที่หนึ่ง รักษ์เกษตร ได้นะคะ 089-7835887 ค่ะ เอามาให้ดูไว้ตกลงใจหาเวลาว่างกันล่วงหน้าแต่เนิ่นๆค่ะ