คุณชาติชาย ศิริพัฒน์ สหายร่วมชายคาหน้าเกษตร หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ บรรยายบทความเรื่องระบบน้ำหยดกับโรคมันฯ ความจริง...ที่ต้องปฏิเสธ เนื้อหาสาระสำคัญเป็นอย่างไร ไม่ขอพูดถึง วันนี้ให้ความเข้าใจแก่ชาวไร่ ผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ใช้ระบบน้ำหยด ให้แคล้วคลาดอุปสรรคไส้เดือนฝอย ทำรากมันสำปะหลังเป็นปุ่มปม มันฯไม่ออกหัวก่อนอื่นต้องบอกว่า...อย่าเพิ่งตื่นตูม ไปโทษว่าระบบน้ำหยดไม่ดี แล้วไปกำจัดทิ้งเลิกใช้เพราะการใช้ระบบน้ำหยดในไร่มันสำปะหลัง ไม่ได้มีปัญหาในทุกพื้นที่... การใช้ระบบน้ำหยดจะไม่มีปัญหาเลย ถ้าดินในแปลงปลูกไม่มีเชื้อไส้เดือนฝอย หากว่าใช้ระบบน้ำหยด อยากทราบว่าดินในแปลงปลูกของตัวเองมีเชื้อไส้เดือนฝอยหรือไม่ วิธีตรวจดูง่ายๆ ถ้าปลูกมาแล้ว 3-4 เดือน ให้ลองถอนต้นขึ้นมาดู ถ้ารากมีปมปุ่มเหมือนรากต้นถั่ว และมีรากเล็กๆเต็มไปหมด มันฯ ไม่มีหัว นั่นแสดงว่าทำเลของเรามีเชื้อไส้เดือนฝอยแอบแฝงอยู่ อย่าเสียเวลารออิทธิฤทธิ์ว่ามันฯจะออกหัวได้ ให้รื้อถอนทิ้งไปทั้งหมด แล้วลงปลูกใหม่...เปลี่ยนมาปลูกพันธุ์ระยอง 72 เพราะเป็นพันธุ์ที่ทนทานต่อโรคไส้เดือนฝอย แต่ท่อนพันธุ์อาจจะหาลำบากหน่อย เพราะหลายปีที่ผ่านมา ชาวไร่ชาวนาไม่ค่อยนิยมปลูก ด้วยอ่อนแอต่อเพลี้ยแป้งสีชมพู แต่สามารถแก้ปัญหาด้วยการแช่ท่อนพันธุ์ด้วยน้ำยาคุ้มกันเพลี้ยแป้งก่อนปลูก แต่ถ้าคิดว่า พอแล้ว ไม่เอาแล้วมันฯ จะปลูกอย่างอื่นแทน...หากว่าจะปลูก พืชปรับปรุงดิน ชี้แนะให้ปลูกปอเทือง เนื่องจากไส้เดือนฝอยไม่พิสมัยกลิ่นรากปอเทือง....แต่ถ้าประสงค์จะปลูกพืชทำเงิน เอาระบบน้ำหยดมาใช้ปลูกดาวเรือง เก็บดอกจำหน่ายจะดียิ่งนัก เนื่องจากเป็นพืชอีกพันธุ์ที่ไส้เดือนฝอยไม่ชอบหรือจะเอาระบบน้ำหยดไปใช้กับพืชอย่างอื่น ที่ทำกำไรได้ดีกว่าและเร็วกว่ามันสำปะหลัง จะยิ่งน่าสนใจ...เฉพาะ มะเขือเทศ พริก และพืชตระกูลถั่ว ต้องมองข้าม เพราะไส้เดือนฝอยช้อบชอบ ส่วนจะปลูกพืชอะไรที่สมควรและได้กำไรได้ดี นอกจากจะต้องดูตลาดในพื้นที่ก่อนว่ามีความประสงค์อะไร...ควรขอความเห็นเจ้าหน้าที่เกษตรผู้มีการงานให้ความรู้เกษตรกรว่า พืชกลุ่มไหน พอจะสู้กับไส้เดือนฝอยที่มากัดกินรากพืชได้.
การปลูกผักในครอบครัว
วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559
ชาวสวนปลูกมันสำหรับระบบน้ำหยด
ชาวสวนปลูกมันสำหรับระบบน้ำหยด
คุณชาติชาย ศิริพัฒน์ สหายร่วมชายคาหน้าเกษตร หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ บรรยายบทความเรื่องระบบน้ำหยดกับโรคมันฯ ความจริง...ที่ต้องปฏิเสธ เนื้อหาสาระสำคัญเป็นอย่างไร ไม่ขอพูดถึง วันนี้ให้ความเข้าใจแก่ชาวไร่ ผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ใช้ระบบน้ำหยด ให้แคล้วคลาดอุปสรรคไส้เดือนฝอย ทำรากมันสำปะหลังเป็นปุ่มปม มันฯไม่ออกหัวก่อนอื่นต้องบอกว่า...อย่าเพิ่งตื่นตูม ไปโทษว่าระบบน้ำหยดไม่ดี แล้วไปกำจัดทิ้งเลิกใช้เพราะการใช้ระบบน้ำหยดในไร่มันสำปะหลัง ไม่ได้มีปัญหาในทุกพื้นที่... การใช้ระบบน้ำหยดจะไม่มีปัญหาเลย ถ้าดินในแปลงปลูกไม่มีเชื้อไส้เดือนฝอย หากว่าใช้ระบบน้ำหยด อยากทราบว่าดินในแปลงปลูกของตัวเองมีเชื้อไส้เดือนฝอยหรือไม่ วิธีตรวจดูง่ายๆ ถ้าปลูกมาแล้ว 3-4 เดือน ให้ลองถอนต้นขึ้นมาดู ถ้ารากมีปมปุ่มเหมือนรากต้นถั่ว และมีรากเล็กๆเต็มไปหมด มันฯ ไม่มีหัว นั่นแสดงว่าทำเลของเรามีเชื้อไส้เดือนฝอยแอบแฝงอยู่ อย่าเสียเวลารออิทธิฤทธิ์ว่ามันฯจะออกหัวได้ ให้รื้อถอนทิ้งไปทั้งหมด แล้วลงปลูกใหม่...เปลี่ยนมาปลูกพันธุ์ระยอง 72 เพราะเป็นพันธุ์ที่ทนทานต่อโรคไส้เดือนฝอย แต่ท่อนพันธุ์อาจจะหาลำบากหน่อย เพราะหลายปีที่ผ่านมา ชาวไร่ชาวนาไม่ค่อยนิยมปลูก ด้วยอ่อนแอต่อเพลี้ยแป้งสีชมพู แต่สามารถแก้ปัญหาด้วยการแช่ท่อนพันธุ์ด้วยน้ำยาคุ้มกันเพลี้ยแป้งก่อนปลูก แต่ถ้าคิดว่า พอแล้ว ไม่เอาแล้วมันฯ จะปลูกอย่างอื่นแทน...หากว่าจะปลูก พืชปรับปรุงดิน ชี้แนะให้ปลูกปอเทือง เนื่องจากไส้เดือนฝอยไม่พิสมัยกลิ่นรากปอเทือง....แต่ถ้าประสงค์จะปลูกพืชทำเงิน เอาระบบน้ำหยดมาใช้ปลูกดาวเรือง เก็บดอกจำหน่ายจะดียิ่งนัก เนื่องจากเป็นพืชอีกพันธุ์ที่ไส้เดือนฝอยไม่ชอบหรือจะเอาระบบน้ำหยดไปใช้กับพืชอย่างอื่น ที่ทำกำไรได้ดีกว่าและเร็วกว่ามันสำปะหลัง จะยิ่งน่าสนใจ...เฉพาะ มะเขือเทศ พริก และพืชตระกูลถั่ว ต้องมองข้าม เพราะไส้เดือนฝอยช้อบชอบ ส่วนจะปลูกพืชอะไรที่สมควรและได้กำไรได้ดี นอกจากจะต้องดูตลาดในพื้นที่ก่อนว่ามีความประสงค์อะไร...ควรขอความเห็นเจ้าหน้าที่เกษตรผู้มีการงานให้ความรู้เกษตรกรว่า พืชกลุ่มไหน พอจะสู้กับไส้เดือนฝอยที่มากัดกินรากพืชได้.
คุณชาติชาย ศิริพัฒน์ สหายร่วมชายคาหน้าเกษตร หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ บรรยายบทความเรื่องระบบน้ำหยดกับโรคมันฯ ความจริง...ที่ต้องปฏิเสธ เนื้อหาสาระสำคัญเป็นอย่างไร ไม่ขอพูดถึง วันนี้ให้ความเข้าใจแก่ชาวไร่ ผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ใช้ระบบน้ำหยด ให้แคล้วคลาดอุปสรรคไส้เดือนฝอย ทำรากมันสำปะหลังเป็นปุ่มปม มันฯไม่ออกหัวก่อนอื่นต้องบอกว่า...อย่าเพิ่งตื่นตูม ไปโทษว่าระบบน้ำหยดไม่ดี แล้วไปกำจัดทิ้งเลิกใช้เพราะการใช้ระบบน้ำหยดในไร่มันสำปะหลัง ไม่ได้มีปัญหาในทุกพื้นที่... การใช้ระบบน้ำหยดจะไม่มีปัญหาเลย ถ้าดินในแปลงปลูกไม่มีเชื้อไส้เดือนฝอย หากว่าใช้ระบบน้ำหยด อยากทราบว่าดินในแปลงปลูกของตัวเองมีเชื้อไส้เดือนฝอยหรือไม่ วิธีตรวจดูง่ายๆ ถ้าปลูกมาแล้ว 3-4 เดือน ให้ลองถอนต้นขึ้นมาดู ถ้ารากมีปมปุ่มเหมือนรากต้นถั่ว และมีรากเล็กๆเต็มไปหมด มันฯ ไม่มีหัว นั่นแสดงว่าทำเลของเรามีเชื้อไส้เดือนฝอยแอบแฝงอยู่ อย่าเสียเวลารออิทธิฤทธิ์ว่ามันฯจะออกหัวได้ ให้รื้อถอนทิ้งไปทั้งหมด แล้วลงปลูกใหม่...เปลี่ยนมาปลูกพันธุ์ระยอง 72 เพราะเป็นพันธุ์ที่ทนทานต่อโรคไส้เดือนฝอย แต่ท่อนพันธุ์อาจจะหาลำบากหน่อย เพราะหลายปีที่ผ่านมา ชาวไร่ชาวนาไม่ค่อยนิยมปลูก ด้วยอ่อนแอต่อเพลี้ยแป้งสีชมพู แต่สามารถแก้ปัญหาด้วยการแช่ท่อนพันธุ์ด้วยน้ำยาคุ้มกันเพลี้ยแป้งก่อนปลูก แต่ถ้าคิดว่า พอแล้ว ไม่เอาแล้วมันฯ จะปลูกอย่างอื่นแทน...หากว่าจะปลูก พืชปรับปรุงดิน ชี้แนะให้ปลูกปอเทือง เนื่องจากไส้เดือนฝอยไม่พิสมัยกลิ่นรากปอเทือง....แต่ถ้าประสงค์จะปลูกพืชทำเงิน เอาระบบน้ำหยดมาใช้ปลูกดาวเรือง เก็บดอกจำหน่ายจะดียิ่งนัก เนื่องจากเป็นพืชอีกพันธุ์ที่ไส้เดือนฝอยไม่ชอบหรือจะเอาระบบน้ำหยดไปใช้กับพืชอย่างอื่น ที่ทำกำไรได้ดีกว่าและเร็วกว่ามันสำปะหลัง จะยิ่งน่าสนใจ...เฉพาะ มะเขือเทศ พริก และพืชตระกูลถั่ว ต้องมองข้าม เพราะไส้เดือนฝอยช้อบชอบ ส่วนจะปลูกพืชอะไรที่สมควรและได้กำไรได้ดี นอกจากจะต้องดูตลาดในพื้นที่ก่อนว่ามีความประสงค์อะไร...ควรขอความเห็นเจ้าหน้าที่เกษตรผู้มีการงานให้ความรู้เกษตรกรว่า พืชกลุ่มไหน พอจะสู้กับไส้เดือนฝอยที่มากัดกินรากพืชได้.
วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558
เผยเคล็ดลับการเพาะเมล็ดพริกการปลูกพริก
ครั้นได้เมล็ดพันธุ์พริกมาแล้ว ให้นำไปแช่น้ำร้อน ถ้าหญ้าเริ่มยาวให้ใช้เครื่องตัดหญ้า หลังจากนั้นใช้น้ำร้อนเทลงไปในภาชนะก่อน 1 ส่วนและตามด้วยน้ำเย็นอีก 1 ส่วน ทดสอบโดยมือจุ่มลงไปพอมือเราทนได้ ก็ใช้ได้หรือประเมิน 50 องศา แช่ไว้ราว 30 นาที จากนั้นนำไปห่อในผ้าขาวบาง บ่มไว้ 1 คืนแล้วนำเมล็ดไปเพาะได้ โดยบ่มไว้ในกระติกน้ำร้อนก็ได้ ใช้ถ้วยคว่ำแล้วเอาเมล็ดพริกวางบนถ้วยที่คว่ำไว้ เพื่อไม่เมล็ดพริกแช่น้ำที่เราพ่นใส่เมล็ดพริกที่บ่ม เมล็ด พริกจะได้ไม่เน่าไปซะก่อนครับ
การนำเมล็ดไปเพาะมีด้วยกัน 3 อย่าง
1. นำเมล็ดไปหยอดในถาดเพาะโดยตรง ถ้าเมล็ดไหนไม่งอกต้องถอนย้ายมาปลูกซ่อมแทนเพื่อความเสมอต้นเสมอปลายของต้นกล้า วิธีนี้ถือว่าสบายและเร็วสุด
2. นำไปหว่านในตะกร้าพลาสติกในทราย โดยทรายที่นำไปเพาะนั้น ขอแนะนำให้ใช้ทรายขี้เป็ดที่หยาบสักหน่อย และต้องนำไปต้มเพื่อการฆ่าเชื้อโรคที่ติดมาเสียก่อน เมื่อต้มเสร็จ รอทรายที่ต้มเย็นก่อน แล้วนำมาใส่ตะกร้าพลาสติก ก่อนใส่ทรายรองด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ก่อน เสร็จแล้วก็นำเมล็ดหว่านลงในกระบุงพลาสติก แล้วถมด้วย ปุ๋ยหมักหรือขุยมะพร้าวที่ร่อนเอากากออกแล้ว รดน้ำและสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น เทอร์ราคลอ ซูเปอร์เอ๊กซ์ ในอัตรา 10 ซีซี.ต่อน้ำ 20 ลิตร ให้ทั่วเพื่อป้องกันรากเน่า โคนเน่า แล้วไม่ต้องรดน้ำตามหรือใช้เครื่องปั่นไฟ อย่าให้เปียกจนเกินไปจะทำให้เมล็ดพริกเน่าได้ หลังจากหว่านเมล็ดพริกไปได้ 7 -10 วันในฤดูร้อนก็สามารถย้ายลงถาดหลุมได้ ถ้า เป็นฤดูหนาวจะใช้เวลา 15 วันหรือมากว่านั้นตามอุณหภูมิที่เย็น
พอต้นกล้าอายุได้ครบ 10 วันก็พร้อมที่จะย้ายลงถาดหลุมได้ การย้ายก็ทำโดย ถอนต้นกล้าเฉพาะที่ต้นสม่ำเสมอและไม่เป็นโรคและแข็งแรงเท่านั้น จากตะกร้าเพาะมาปลูกลงในถาด โดยการเจาะหลุมที่ถาดเพาะก่อน เพื่อความเร็วในการย้ายต้นกล้า หลังจากย้ายเสร็จแล้วก็ รดน้ำที่ผสมสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา จำพวก เทอร์ราคลอ อัตราการใช้ 10 ซีซี /20 ลิตร รดให้ทั่วเพื่อป้องกันโรคโคนเน่าที่จะเกิดตามมาได้ในทุกฤดู จะเน้นโดยเฉพาะฤดูฝน
หลังจากย้ายต้นกล้าได้ 15-20 วัน ก็สามารถนำต้นกล้าที่ได้ ไปปลูกลงแปลงได้
ปีนี้ต้องบอกว่า พริก...เป็นอีกพืชหนึ่งที่เจอไวรัสเยอะมากแทบจะทุกพื้นที่ที่ปลูก คำถามที่เจอในแวดวงเกษตรกลุ่มอื่นๆเข้ามาถามตลอดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร และคำตอบสุดท้าย...ก็คือ...ไม่มีวิธีการแก้ นอกจากการพ่นสารเคมีกำจัด เพลี้ยไฟ ไรแดง ไรขาวซึ่งเป็นแมลงพาหะ เมื่อแมลงตาย แต่ไวรัสที่อยู่ในต้นยังคงอยู่และยังแพร่ระบาดต่อไป สุดท้ายพริกเหลือง หงิก ด่างทั้งแปลง...เพียงเพราะ...ชาวไร่ไม่รู้จักยาไวรัส...ผู้แนะนำยังบอกว่า...ไวรัสไม่มียา รักษา...ไวรัสยังแก้ไม่ได้....ฉีดธาตุอาหารเสริมสารพัดที่คิดว่าพริกจะกลับมาเขียวได้ แข็งแรงได้...ซึ่งไม่ใช่คำตอบ...ไวรัสจึงยังอยู่กับชาวไร่ต่อไป...และต่อไป
การนำเมล็ดไปเพาะมีด้วยกัน 3 อย่าง
1. นำเมล็ดไปหยอดในถาดเพาะโดยตรง ถ้าเมล็ดไหนไม่งอกต้องถอนย้ายมาปลูกซ่อมแทนเพื่อความเสมอต้นเสมอปลายของต้นกล้า วิธีนี้ถือว่าสบายและเร็วสุด
2. นำไปหว่านในตะกร้าพลาสติกในทราย โดยทรายที่นำไปเพาะนั้น ขอแนะนำให้ใช้ทรายขี้เป็ดที่หยาบสักหน่อย และต้องนำไปต้มเพื่อการฆ่าเชื้อโรคที่ติดมาเสียก่อน เมื่อต้มเสร็จ รอทรายที่ต้มเย็นก่อน แล้วนำมาใส่ตะกร้าพลาสติก ก่อนใส่ทรายรองด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ก่อน เสร็จแล้วก็นำเมล็ดหว่านลงในกระบุงพลาสติก แล้วถมด้วย ปุ๋ยหมักหรือขุยมะพร้าวที่ร่อนเอากากออกแล้ว รดน้ำและสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น เทอร์ราคลอ ซูเปอร์เอ๊กซ์ ในอัตรา 10 ซีซี.ต่อน้ำ 20 ลิตร ให้ทั่วเพื่อป้องกันรากเน่า โคนเน่า แล้วไม่ต้องรดน้ำตามหรือใช้เครื่องปั่นไฟ อย่าให้เปียกจนเกินไปจะทำให้เมล็ดพริกเน่าได้ หลังจากหว่านเมล็ดพริกไปได้ 7 -10 วันในฤดูร้อนก็สามารถย้ายลงถาดหลุมได้ ถ้า เป็นฤดูหนาวจะใช้เวลา 15 วันหรือมากว่านั้นตามอุณหภูมิที่เย็น
พอต้นกล้าอายุได้ครบ 10 วันก็พร้อมที่จะย้ายลงถาดหลุมได้ การย้ายก็ทำโดย ถอนต้นกล้าเฉพาะที่ต้นสม่ำเสมอและไม่เป็นโรคและแข็งแรงเท่านั้น จากตะกร้าเพาะมาปลูกลงในถาด โดยการเจาะหลุมที่ถาดเพาะก่อน เพื่อความเร็วในการย้ายต้นกล้า หลังจากย้ายเสร็จแล้วก็ รดน้ำที่ผสมสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา จำพวก เทอร์ราคลอ อัตราการใช้ 10 ซีซี /20 ลิตร รดให้ทั่วเพื่อป้องกันโรคโคนเน่าที่จะเกิดตามมาได้ในทุกฤดู จะเน้นโดยเฉพาะฤดูฝน
หลังจากย้ายต้นกล้าได้ 15-20 วัน ก็สามารถนำต้นกล้าที่ได้ ไปปลูกลงแปลงได้
ปีนี้ต้องบอกว่า พริก...เป็นอีกพืชหนึ่งที่เจอไวรัสเยอะมากแทบจะทุกพื้นที่ที่ปลูก คำถามที่เจอในแวดวงเกษตรกลุ่มอื่นๆเข้ามาถามตลอดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร และคำตอบสุดท้าย...ก็คือ...ไม่มีวิธีการแก้ นอกจากการพ่นสารเคมีกำจัด เพลี้ยไฟ ไรแดง ไรขาวซึ่งเป็นแมลงพาหะ เมื่อแมลงตาย แต่ไวรัสที่อยู่ในต้นยังคงอยู่และยังแพร่ระบาดต่อไป สุดท้ายพริกเหลือง หงิก ด่างทั้งแปลง...เพียงเพราะ...ชาวไร่ไม่รู้จักยาไวรัส...ผู้แนะนำยังบอกว่า...ไวรัสไม่มียา รักษา...ไวรัสยังแก้ไม่ได้....ฉีดธาตุอาหารเสริมสารพัดที่คิดว่าพริกจะกลับมาเขียวได้ แข็งแรงได้...ซึ่งไม่ใช่คำตอบ...ไวรัสจึงยังอยู่กับชาวไร่ต่อไป...และต่อไป
วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
เครื่องปั่นไฟ Generator คือ
เครื่องปั่นไฟ (Generator) หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า "เครื่องกำเนิดไฟฟ้า" คือ เครื่องกลที่ใช้สำหรับแปลงพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยหลักการทำงาน ว่าเมื่อสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ตัดขดลวด หรือขดลวดเคลื่อนที่ตัดสนามแม่เหล็กก็จะได้ไฟฟ้าออกมา เครื่องปั่นไฟหรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้า คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับแปรปรวนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยหลักการทำงาน ว่าเมื่อสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ตัดขดลวด หรือขดลวดเคลื่อนที่ตัดสนามแม่เหล็กก็จะได้ไฟฟ้าออกมา
ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทางตรงเราสามารถเสริมแรงดันไฟฟ้าขึ้นได้โดย การปรับความเข้มของสนามแม่เหล็กและเพิ่มกำลังเร็วรอบของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แต่ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับการเพิ่มแรงดันโดยการเพิ่มความเร็วไม่ สามารถที่จะทำได้ เพราะจะทำให้ความถี่ของแรงดันไฟฟ้าที่ได้เปลี่ยนไป สามรถทำได้เพียงการปรับความเข้มของสนามแม่เหล็กเท่านั้น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (อังกฤษ: Electric generator) คือเครื่องไม้เครื่องมือที่แปลงพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า อุปกรณ์ดังกล่าวจะบังคับกระแสไฟฟ้าให้ไหลผ่านวงจรข้างนอก ที่มาของแรงงานกลอาจจะเป็นลูกสูบหรือเครื่องกลกังหันไอน้ำ หรือแรงน้ำตกผ่านกังหันน้ำหรือล้อน้ำ หรือเครื่องยนต์การเผาผลาญภายใน หรือกังหันลม หรือข้อเหวี่ยงมือ หรืออากาศอัด หรือแหล่งพลังงานกลอื่นๆ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะแบ่งพลังงานไฟฟ้าแทบจะทั้งหมดให้กับกริดพลังงานไฟฟ้า
สมัยปัจจุบันระบบไฟฟ้าภายในประเทศไทยมีทั้งระบบการผลิตการส่งจ่ายและการจำหน่ายที่มีศักยภาพ สามารถจ่ายไฟฟ้าได้กว้างขวางทุกขอบเขต ทำให้สถานประกอบการมีกระแสไฟฟ้าใช้ได้ตลอด ทั้งวัน แต่บางทีอาจจะเกิดข้อติดขัดจากการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าอันด้วยเหตุว่า ความสะเพร่าของอุปกรณ์ในระบบหรือการเกิดอุบัติเหตุ มีการตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อแก้ไข แก้ไข หรือปรับปรุงระบบสายส่งให้ดีขึ้น หรือมีการเชื่อมต่อสายส่งเพิ่มขึ้น การเกิดภัยธรรมชาติ เช่น พายุ ฝนฟ้าคะนอง ทำให้กิ่งไม้ในบริเวณใกล้เคียงสายส่งหักพาดสาย ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร หรือเกิดฟ้าผ่าลงบนสายส่งไฟฟ้าแรงสูง
ซึ่งข้อข้องขัดดังกล่าว ถึงแม้ทำให้มีผลกระทบต่อบ้านพักอาศัยของชาวเมืองไม่มากนัก แต่สำหรับสถานที่ประกอบการแบบอาคารสูง โรงแรม โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม จึงมีผลพวงค่อนข้างมาก เช่น ระบบปรับอากาศ ลิฟต์ประจำอาคาร ขบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม จะหยุดชะงัก เป็นปัจจัยให้เกิดการเสียหายแก่สถานที่ประกอบการนั้น ๆ ครั้นแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องมีกำลังไฟฟ้าเตรียมไว้ไว้จ่ายพลังงานทดแทน ซึ่งกำลังไฟฟ้าสำรองนี้ได้มาจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง(Stand by Generator) นั่นเอง โดยเหตุนั้น สถานประกอบการจะต้องทบทวนเสียก่อนว่า กิจการค้าของตนเองจำเป็นต้องมีระบบไฟฟ้าที่ระดับความมั่นคงเพียงใด และกิจกรรมการใช้ไฟฟ้าใดบ้างที่เป็นกิจกรรมที่สำคัญ และไม่สามารถหยุดขบวนการทำงานเป็นระยะเวลายาวนานต่อเนื่องได้
ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทางตรงเราสามารถเสริมแรงดันไฟฟ้าขึ้นได้โดย การปรับความเข้มของสนามแม่เหล็กและเพิ่มกำลังเร็วรอบของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แต่ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับการเพิ่มแรงดันโดยการเพิ่มความเร็วไม่ สามารถที่จะทำได้ เพราะจะทำให้ความถี่ของแรงดันไฟฟ้าที่ได้เปลี่ยนไป สามรถทำได้เพียงการปรับความเข้มของสนามแม่เหล็กเท่านั้น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (อังกฤษ: Electric generator) คือเครื่องไม้เครื่องมือที่แปลงพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า อุปกรณ์ดังกล่าวจะบังคับกระแสไฟฟ้าให้ไหลผ่านวงจรข้างนอก ที่มาของแรงงานกลอาจจะเป็นลูกสูบหรือเครื่องกลกังหันไอน้ำ หรือแรงน้ำตกผ่านกังหันน้ำหรือล้อน้ำ หรือเครื่องยนต์การเผาผลาญภายใน หรือกังหันลม หรือข้อเหวี่ยงมือ หรืออากาศอัด หรือแหล่งพลังงานกลอื่นๆ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะแบ่งพลังงานไฟฟ้าแทบจะทั้งหมดให้กับกริดพลังงานไฟฟ้า
สมัยปัจจุบันระบบไฟฟ้าภายในประเทศไทยมีทั้งระบบการผลิตการส่งจ่ายและการจำหน่ายที่มีศักยภาพ สามารถจ่ายไฟฟ้าได้กว้างขวางทุกขอบเขต ทำให้สถานประกอบการมีกระแสไฟฟ้าใช้ได้ตลอด ทั้งวัน แต่บางทีอาจจะเกิดข้อติดขัดจากการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าอันด้วยเหตุว่า ความสะเพร่าของอุปกรณ์ในระบบหรือการเกิดอุบัติเหตุ มีการตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อแก้ไข แก้ไข หรือปรับปรุงระบบสายส่งให้ดีขึ้น หรือมีการเชื่อมต่อสายส่งเพิ่มขึ้น การเกิดภัยธรรมชาติ เช่น พายุ ฝนฟ้าคะนอง ทำให้กิ่งไม้ในบริเวณใกล้เคียงสายส่งหักพาดสาย ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร หรือเกิดฟ้าผ่าลงบนสายส่งไฟฟ้าแรงสูง
ซึ่งข้อข้องขัดดังกล่าว ถึงแม้ทำให้มีผลกระทบต่อบ้านพักอาศัยของชาวเมืองไม่มากนัก แต่สำหรับสถานที่ประกอบการแบบอาคารสูง โรงแรม โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม จึงมีผลพวงค่อนข้างมาก เช่น ระบบปรับอากาศ ลิฟต์ประจำอาคาร ขบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม จะหยุดชะงัก เป็นปัจจัยให้เกิดการเสียหายแก่สถานที่ประกอบการนั้น ๆ ครั้นแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องมีกำลังไฟฟ้าเตรียมไว้ไว้จ่ายพลังงานทดแทน ซึ่งกำลังไฟฟ้าสำรองนี้ได้มาจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง(Stand by Generator) นั่นเอง โดยเหตุนั้น สถานประกอบการจะต้องทบทวนเสียก่อนว่า กิจการค้าของตนเองจำเป็นต้องมีระบบไฟฟ้าที่ระดับความมั่นคงเพียงใด และกิจกรรมการใช้ไฟฟ้าใดบ้างที่เป็นกิจกรรมที่สำคัญ และไม่สามารถหยุดขบวนการทำงานเป็นระยะเวลายาวนานต่อเนื่องได้
วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557
ภาค2 การปลูกมะละกอพันธุ์อะไรดีจึงจะมีตลาดขาย
ภาค2 การปลูกมะละกอพันธุ์อะไรดีจึงจะมีตลาดขาย
-มะละกอพันธุ์ครั่ง เป็นมะละกอดิบหรือส้มตำพันธุ์ใหม่ที่ใช้ยาฆ่าแมลงและใช้เครื่องพ่นยาน้อย และที่มีผู้สื่อข่าวทำข่าวกันมากจนทำให้เกษตรกรปลูกกันในหลายจังหวัด โดยชูจุดดีตรงที่เนื้อกรอบ รสชาติ อร่อย หลังเก็บจากต้นแล้ว สดอยู่ได้นานกว่าพันธุ์อื่น 5-6 วันก็ยังไม่เหี่ยว และบอกว่าทนทานไวรัสจุดวงแหวนได้ดี(อันนี้จริงเปล่าไม่รู้) แต่ข้อด้อยก็คือ ผลมีร่องทำให้เวลาปอกเปลือก เปลือกสีเขียวจะติดอยู่ในร่องนั้น ขูดเส้นยาก ตอนนี้เริ่มมีปัญหาด้านตลาดแต่นักวิจัยก็ยังเพิ่งเปิดตัวครั่งพันธุ์ใหม่เนื้อเหลืองไปเมื่อเดือนที่แล้วอีกซึ่งครั่งเนื้อเหลืองจะทำให้เส้นส้มตำน่ากินมากขึ้น นักข่าวประโคมข่าวอีกเช่นเดิมแต่ปัญหาร่องที่ผลจะทำให้แม่ค้ายอมรับได้แค่ไหนต้องเกาะติดกันต่อไป
วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557
เทคนิคการปลูกมะละกอพันธุ์อะไรดีจึงจะมีตลาดขาย
เทคนิคการปลูกมะละกอพันธุ์อะไรดีจึงจะมีตลาดขาย
จริงๆไม่ได้คิดที่จะเขียนบทความเรื่องนี้เลย เพราะไม่คาดฝันค่ะ แต่เมื่อวานมีคนเข้ามาถามในให้ช่วยหาตลาดมะละกอแขกดำให้หน่อย อย่างเช่นผมปลูกมะละกอพันธุ์ครั่ง เรดแคริเบี้ยนขายที่ไหนดี ทำให้คิดว่าเรามองข้ามเรื่องนี้ไปจริงๆ เพราะชีวิตอยู่แต่กับมะละกอฮอลแลนด์ เลยไม่ได้มองพันธุ์อื่น
- มะละกอฮอลแลนด์ คือพันธุ์ที่น่าหลงใหลและน่าลงทุนที่สุด เพราะเป็นพันธุ์มะละกอกินสุกที่นิยมที่สุดและใช้เครื่องพ่นยาน้อยที่สุด ตลาดกว้างขวาง แม่ค้ารับซื้อเยอะมากที่สุด ส่วนที่ตกเกรดหรือเป็นโรคก็ยังวางขายเข้าโรงงานได้ ราคามะละกอจะยืนพื้นจากสวน 8-10 บาท/กก. ราคาขายส่งอยู่ที่ 15-20 บาท/กก. ราคาขายปลีกถึงผู้บริโภคอยู่ที่ 20-35 บาท/กก. ช่วงที่มะละกอขาดตลาด ราคาจากสวนพุ่งไปถึง 20-35 บาท/กก. ราคาขายส่ง 30-35 บาท/กก. ขายปลีกอยู่ที่ 40-50 บาท/กก. ตามที่เป็นช่วงที่มะละกอมีผลผลิตน้อย ผลไม้อื่นในท้องตลาดก็มีน้อย ราคาจึงสูงกว่้าพันธุ์อื่นๆ มะละกอที่จะมีผลผลิตออกช่วงนี้จะเป็นมะละกอที่ต้องออกดอกช่วงแล้งประมาณ มี.ค.-เม.ย. ซึ่งมะละกอจะไม่ค่อยติดผลเพราะว่าดอกร่วงหมด ทำให้มะละกอมีผลผลิตน้อยหรือขาดตลาดทุกปีในช่วงตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. หรืออาจจะยาวไปจนถึง ต.ค. ท่านใดที่อยากขายมะละกอราคาแพงก็วางแผนปลูกให้มะละกอได้เก็บผลผลิตในช่วงดังกล่าว โดยใช้ระบบการจัดการน้ำและปุ๋ยเข้าไปช่วยเพื่อช่วยให้มะละกอติดผลได้ในช่วงดังกล่าวได้ล่ะก็ เตรียมตัวรับเงินได้เลย มีเงินทองเหลือเฟือไปซื้อเครื่องมือการเกษตรเยอะเลยคะ
-มะละกอแขกดำ เคยเป็นมะละกอกินสุกที่ครองตลาดในอดีต แต่วันนี้หมดยุคหมดสมัยของแขกดำในตลาดกินสุกไปแล้ว แขกดำจึงเป็นมะกอที่หาตลาดไม่เจอ ไม่รู้จะอยู่ตรงไหน กินสุกก็ได้แต่ก็สู้ฮอลแลนด์ไม่ได้ ตลาดไทมีแผงมะละกอ 100 แผง แต่มีเพียง 2 แผงที่ขายแขกดำและปริมาณการขายก็ไม่มาก แต่ในตลาดกินดิบหรือส้มตำ แขกดำก็ไปได้แต่ก็ไม่โดดเด่นเท่าแขกนวลที่มีคุณสมบัติดีกว่า
-มะละกอแขกนวล ถือป็นมะละกอกินดิบที่ครองตลาด เพราะเป็นมะละกอที่เนื้อกรอบ อร่อย ใช้ทำเป็นส้มตำ อีกทั้งยังเป็นมะกอที่ติดดก ผลใหญ่มาก มะละกอกินดิบมีข้อดีตรงที่เก็บเกี่ยวเร็ว 5 เดือนก็เก็บขายได้แล้ว จากนั้นจะเก็บกันทุก 15-20 วัน (ครั้งหนึ่งก็ประมาณ 20-25 ตัน ในพื้นที่ปลูกประมาณ 10 ไร่) มะละกอดิบดูแลจัดการง่ายกว่ามะละกอสุกเยอะ ไม่ต้องหุ้มผล ไม่ต้องระมัดระวังมากตอนเก็บ เก็บเสร็จแพ็คใส่ถุงพลาสติกถุงละ 10 กก.ขนขึ้นรถขายได้เลย แต่ราคาก็จะอยู่ที่ 4-5 บาท ตลอดทั้งปี ช่วงราคาถูกก็อยู่ที่ 2 บาทค่ะ แทบไม่คุ้มค่าขนส่งเลยค่ะ
เด๊๋ยวมาพูดคุยกันต่อคะ ติดตามในบทความต่อไปนะคะ...
วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557
เทคนิคการเพาะเมล็ด/และกลยุทธ์การปลูกพริก
เทคนิคการเพาะเมล็ด/และกลยุทธ์การปลูกพริก
เมื่อได้เมล็ดพันธุ์พริกมาแล้ว ให้นำไปแช่น้ำร้อน ถ้าหญ้าเริ่มยาวให้ใช้เครื่องตัดหญ้า หลังจากนั้นใช้น้ำร้อนเทลงไปในภาชนะก่อน 1 ส่วนและตามด้วยน้ำเย็นอีก 1 ส่วน ทดสอบโดยมือจุ่มลงไปพอมือเราทนได้ ก็ใช้ได้หรือประเมิน 50 องศา แช่ไว้ราว 30 นาที หลังจากนั้นนำไปห่อในผ้าขาวบาง บ่มไว้ 1 คืนแล้วนำเมล็ดไปเพาะได้ โดยบ่มไว้ในกระติกน้ำร้อนก็ได้ ใช้ถ้วยคว่ำแล้วเอาเมล็ดพริกวางบนถ้วยที่คว่ำไว้ เพื่อไม่เมล็ดพริกแช่น้ำที่เราพ่นใส่เมล็ดพริกที่บ่ม เมล็ด พริกจะได้ไม่เน่าไปซะก่อนครับ
วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีปั๊มน้ำ
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีปั๊มน้ำ
ในบรรดาปั๊มน้ำที่หลากหลายนั้น ปั๊มน้ำหอยโข่ง ( volute pump) ถือเป็นเครื่องสูบน้ำที่ได้รับการพัฒนาก้าวหน้ามากที่สุด เพราะว่าสามารถสูบน้ำได้ในอัตราที่สูง และมีการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
ชนิดของปั๊ม
1 ปั๊มน้ำอัตโนมัติ เหมาะสำหรับอาคาร ตึกแถว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยวเป็นระบบสวิตซ์เปิด-ปิดอัตโนมัติ ประหยัดไฟกำลังส่งไปยังจุดต่างๆภายในบ้านได้ดี สามารถต่อกับเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า หรือก๊อกน้ำได้
2 ปั๊มน้ำหอยโข่ง เหมาะกับงานเกษตร งานสูบน้ำขึ้นตึกสูง งานสูบจากแท็งค์หรือบ่อ งานหัวจ่ายน้ำ sprinkle
สามารถสูบน้ำได้ในปริมาณที่มากหรือแรงส่งสูงๆ
3 ปั้มน้ำจุ่ม ใช้กับงานสูบน้ำออก เช่น งานน้ำท่วม บ่อน้ำพุ มีกำลังส่งต่ำ แต่สูบน้ำได้ปริมาณมากๆ
ลักษณะของเครื่องสูบน้ำ
การแบ่งลักษณะของปั๊มใบพัดหมุน (Turbo Pump) ปั๊มน้ำใบพัดหมุนอาจแบ่งแยกง่ายๆ ตามลักษณะใบพัดได้ 3 ชนิดดังนี้
• ปั๊มหอยโข่งแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ (Centrifugal Pump) เฮดน้ำเกิดจากแรงเหวี่ยงหนีศูนย์จากการหมุนของใบพัด ใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถใช้เฮดน้ำสูง
• ปั๊มน้ำการไหลแบบผสม (Mixed Flow Pump) ปั๊มชนิดนี้เฮดน้ำเกิดจากแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ของใบพัดส่วนหนึ่ง และเกิดจากแรงดึงน้ำของใบพัด (Impeller Lift) อีกส่วนหนึ่ง
• ปั๊มน้ำการไหลตามแนวแกน (Axial Flow Pump) เฮดน้ำจากปั๊มประเภทนี้เกิดจากแรงที่ใบพัดกระทำต่อของเหลวตามแนวแกน ปั๊มชนิดนี้ใช้กันแพร่หลาย เมื่อต้องการปริมาณการไหลมาก และเฮ ดต่ำ
หลักการทำงานของเครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่ง เครื่องสูบน้ำชนิดโวลูท ดูดน้ำและส่งน้ำได้อย่างไร ?
ในสมัยที่เราเป็นเด็กเราคงเคยทดลองเล่น โดยให้น้ำหยดบนร่มที่กำลังหมุนใช่ไหม? น้ำหยดเล็กๆ จะถูกเหวี่ยงให้กระจายออกจากร่มที่กำลังหมุนอยู่นั้นในทำนองเดียวกันถ้าเราขว้างตุ้มฆ้อน เราต้องหมุนตัวเราให้เร็วที่สุดก่อน เพื่อที่จะขว้างตุ้มค้อนให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ขอให้เรามาทำการทดลองดูสักอย่างโดยอาศัยเครื่องมือง่ายๆ ที่ปรากฏในรูปข้างซ้ายมือนี้ เมื่อใบพัด (impeller) ที่ก้นของอุปกรณ์หมุนน้ำจะหมุนตามไปด้วย การหมุน ทำให้ผิวน้ำยุบตัวต่ำที่สุดตรงส่วนกลาง และระดับน้ำสูงสุดตามบริเวณขอบของอุปกรณ์ เหตุผลก็คือว่าน้ำเคลื่อนที่ออกจากศูนย์กลางของการหมุนภายใต้การกระทำของแรงหนีศูนย์กลางที่เกิดจากการหมุนนั้น ความดันภายในของน้ำจะ ลดที่บริเวณศูนย์กลางแต่จะเพิ่มมากขึ้นที่บริเวณขอบโดยหลักการแล้วเครื่องสูบน้ำชนิดโวลูทก็เหมือนกับอุปกรณ์ทดลองที่แสดงมาแล้วข้างบนนี้ คือเมื่อใบพัดในเครื่องสูบหมุน ความดันของน้ำจะเพิ่มมากขึ้น เพราะแรงหนีศูนย์กลางน้ำ จะถูกเหวี่ยงออกจากบริเวณศูนย์กลางการหมุนอย่างต่อเนื่อง
ลักษณะของเครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่ง
โดยปกติเราจะใช้ตัวแปร 4 ตัวแปร เป็นเครื่องบอกลักษณะการทำงานของเครื่องสูบน้ำแต่ละขนาด ลักษณะการทำงานของเครื่องสูบน้ำแต่ละขนาดโดยใช้ตัวแปร 4 ตัวเป็นตัววัดเรียกว่า พฤติลักษณะ (characteristic) ของเครื่องสูบ ตัวแปรเหล่านี้ได้แก่อัตราการสูบ ,เฮดหรือความสูงของน้ำที่สามารถส่งขึ้นไปได้ ,กำลังที่เพลา และประสิทธิภาพ
1. อัตราการสูบ (Flow Rate) หมายถึงปริมาณ หรือจำนวนของน้ำที่เครื่องสูบแต่ละเครื่องสูบได้ต่อหน่วยของเวลา โดยมากจะใช้หน่วยของอัตรสูบ ม3 /นาที หรือ ลิตร/นาที อย่างไรก็ตามขนาดของเครื่องสูบ นิยมเรียกตามขนาดของท่อดูด ดังนั้นมาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (JIS) จึงได้จัดทำตารางเครื่องสูบที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างขนาดท่อดูดที่เหมาะสมที่อัตราการสูบหนึ่งๆ ดังแสดงในตารางด้านซ้ายมือ
2. เฮด (Head) คือแรงดัน หรือความสูงที่เครื่องสูบน้ำทำได้ ถือเป็นธรรมเนียมว่าให้ใช้ หน่วยความสูงของน้ำที่เป็นค่าเฮด และใช้หน่วยเป็นเมตร (ม.) พฤติลักษณะของเครื่องสูบแบบโวลูทก็คือ อัตราการไหลจะ เป็นปฎิภาคกลับกับเฮด หรืออีกนัยหนึ่งก็คือว่าถ้าอัตราการไหลสูงเฮดจะต่ำ และถ้าอัตราการไหลต่ำเฮดจะสูง เราสามารถสร้างชาร์ตแสดงความสัมพันธ์ของอัตราการไหลกับเฮดได้โดยให้เฮดอยู่ในแนวแกนตั้ง และอัตราการไหลในแนว แกนนอน อัตรการไหลที่เฮดต่างๆ เมื่อกำหนดแต่ละค่า และเชื่อมต่อจุด (พลอต) เหล่านี้ด้วยกันก็จะได้เส้นโค้งที่ลดต่ำลงจากซ้ายไปขวาดังรูปที่แสดงทางซ้ายมือ
3. กำลังเพลา (Shaft power) กำลังของเครื่องดันกำลังเหมือนปั๊มน้ำบาดาลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขับเพลาของเครื่องสูบน้ำให้หมุนตามรอบที่กำหนด กำลังเครื่องฉุดถ่ายทอดผ่านเพลาไปสู่เพลาของ เครื่องสูบน้ำ เรียกว่า กำลังเพลา ถ้าเราจะสร้างชาร์ตแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างกำลังเพลากับอัตราการไหล เราก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับชาร์ตแสดงความสัมพันธ์ของเฮดกับอัตราการไหล โดยให้แกนนอนเป็นอัตราการไหล เหมือนเดิม แต่ให้แกนตั้งเป็นกำลังเพลาแทน ในกรณีเช่นนี้กราฟจะโค้งตกจากขวาไปซ้าย กำลังของเครื่องสูบจะต้องมีมากพอที่จะชดเชยกำลังที่สูญเสียไปในเพลา โดยปกติแล้วจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นเครื่องดันกำลัง ในกรณีอย่างนี้ จะคิดเป็นกิโลวัตต์ (kW) แต่ถ้าเป็นเครื่องสูบเป็นเครื่องยนต์กำลังสูบคิดเป็นแรงม้า (PS)
ประสิทธิภาพ (Efficiency) สัดส่วน (ratio) ราคาปั๊มน้ำ (price)ของงานที่ได้จากเครื่องสูบ (หมายถึง กำลังที่ใช้ในการยกน้ำทางทฤษฏี) เมื่อเปรียบเทียบกับกำลังของเพลาที่ได้จากเครื่องฉุด เรียก ว่าประสิทธิภาพ ค่านี้มักจะแสดงหน่วยเป็นเปอร์เซนต์ (%) เส้นโค้งแสดงพฤติลักษณะของเครื่องสูบน้ำเมื่อใช้แกนตั้งเป็นประสิทธิภาพ และแกนนอนเป็นอัตราการไหล
สิ่งที่ควรรู้ในการซื้อปั้มน้ำ
1. รู้ปริมาณน้ำ
2. รู้จำนวนแรงม้า
3. รู้ขนาดท่อดูดท่อส่งของปั๊มว่ากี่นิ้ว
4. ไฟที่ใช้ว่ากี่เฟส
5. รู้ระยะทางการส่งน้ำ
การเลือกซื้อปั๊มน้ำอัตโนมัติ
1.รู้รายละเอียดการใช้น้ำ เช่น ถ้าจะติดตั้งสปริงเกลอร์ต้องรู้ปริมาณน้ำและแรงดันของสปริงเกลอร์
2.เลือกปั๊มน้ำ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ปั๊มทะเล/เคมีสำหรับสูบน้ำทะเลหรือเคมี, ปั๊มหอยโข่งสำหรับงานเกษตร,งานสปริงเกลอร์,งานประปาหมู่บ้านหรืองานดับเพลิง , ปั๊มแช่สำหรับงานดูดน้ำบาดาล,น้ำดีหรือน้ำเสีย
3.เลือกขนาดของปั้มน้ำ ในการเลือกปั๊มต้องดูว่าปั๊มสามารถจ่ายปริมาณน้ำได้มากแค่ไหนเพียงพอกับการใช้งานหรือไม่และที่แรงดันน้ำที่ต้องการ เช่น
- ปริมาณน้ำ 280 ลิตร/นาที หรือ 30 m3 / h (ลูกบาศก์เมตร / ชั่วโมง)
-แรงดัน5บาร์(10 m=1bar ) ระยะทางส่ง50เมตรเท่ากับ 5บาร์
- ขนาดมอเตอร์ 220 V.หรือ380 V (Volt แรงดันไฟฟ้าที่จ่ายเข้ามอเตอร์)
-50 Hz. (Hertz ความถี่ไฟฟ้าที่มอเตอร์ใช้)
- 400 W. (Wat กำลังไฟฟ้าที่มอเตอร์ใช้)
- 1.6 A. ( Amp กระแสไฟฟ้า ที่มอเตอร์ใช้)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)