วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

เผยเคล็ดลับการเพาะเมล็ดพริกการปลูกพริก

ครั้นได้เมล็ดพันธุ์พริกมาแล้ว ให้นำไปแช่น้ำร้อน ถ้าหญ้าเริ่มยาวให้ใช้เครื่องตัดหญ้า หลังจากนั้นใช้น้ำร้อนเทลงไปในภาชนะก่อน 1 ส่วนและตามด้วยน้ำเย็นอีก 1 ส่วน ทดสอบโดยมือจุ่มลงไปพอมือเราทนได้ ก็ใช้ได้หรือประเมิน 50  องศา แช่ไว้ราว 30 นาที จากนั้นนำไปห่อในผ้าขาวบาง บ่มไว้ 1 คืนแล้วนำเมล็ดไปเพาะได้ โดยบ่มไว้ในกระติกน้ำร้อนก็ได้ ใช้ถ้วยคว่ำแล้วเอาเมล็ดพริกวางบนถ้วยที่คว่ำไว้ เพื่อไม่เมล็ดพริกแช่น้ำที่เราพ่นใส่เมล็ดพริกที่บ่ม เมล็ด พริกจะได้ไม่เน่าไปซะก่อนครับ

การนำเมล็ดไปเพาะมีด้วยกัน 3 อย่าง
1. นำเมล็ดไปหยอดในถาดเพาะโดยตรง ถ้าเมล็ดไหนไม่งอกต้องถอนย้ายมาปลูกซ่อมแทนเพื่อความเสมอต้นเสมอปลายของต้นกล้า วิธีนี้ถือว่าสบายและเร็วสุด
2. นำไปหว่านในตะกร้าพลาสติกในทราย โดยทรายที่นำไปเพาะนั้น ขอแนะนำให้ใช้ทรายขี้เป็ดที่หยาบสักหน่อย และต้องนำไปต้มเพื่อการฆ่าเชื้อโรคที่ติดมาเสียก่อน เมื่อต้มเสร็จ รอทรายที่ต้มเย็นก่อน แล้วนำมาใส่ตะกร้าพลาสติก  ก่อนใส่ทรายรองด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ก่อน เสร็จแล้วก็นำเมล็ดหว่านลงในกระบุงพลาสติก แล้วถมด้วย ปุ๋ยหมักหรือขุยมะพร้าวที่ร่อนเอากากออกแล้ว รดน้ำและสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น เทอร์ราคลอ ซูเปอร์เอ๊กซ์ ในอัตรา  10 ซีซี.ต่อน้ำ 20 ลิตร ให้ทั่วเพื่อป้องกันรากเน่า โคนเน่า แล้วไม่ต้องรดน้ำตามหรือใช้เครื่องปั่นไฟ อย่าให้เปียกจนเกินไปจะทำให้เมล็ดพริกเน่าได้ หลังจากหว่านเมล็ดพริกไปได้ 7 -10 วันในฤดูร้อนก็สามารถย้ายลงถาดหลุมได้ ถ้า เป็นฤดูหนาวจะใช้เวลา 15 วันหรือมากว่านั้นตามอุณหภูมิที่เย็น
พอต้นกล้าอายุได้ครบ 10 วันก็พร้อมที่จะย้ายลงถาดหลุมได้ การย้ายก็ทำโดย ถอนต้นกล้าเฉพาะที่ต้นสม่ำเสมอและไม่เป็นโรคและแข็งแรงเท่านั้น จากตะกร้าเพาะมาปลูกลงในถาด โดยการเจาะหลุมที่ถาดเพาะก่อน เพื่อความเร็วในการย้ายต้นกล้า หลังจากย้ายเสร็จแล้วก็ รดน้ำที่ผสมสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา จำพวก เทอร์ราคลอ อัตราการใช้ 10 ซีซี /20 ลิตร รดให้ทั่วเพื่อป้องกันโรคโคนเน่าที่จะเกิดตามมาได้ในทุกฤดู จะเน้นโดยเฉพาะฤดูฝน
หลังจากย้ายต้นกล้าได้ 15-20 วัน ก็สามารถนำต้นกล้าที่ได้ ไปปลูกลงแปลงได้

ปีนี้ต้องบอกว่า พริก...เป็นอีกพืชหนึ่งที่เจอไวรัสเยอะมากแทบจะทุกพื้นที่ที่ปลูก คำถามที่เจอในแวดวงเกษตรกลุ่มอื่นๆเข้ามาถามตลอดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร และคำตอบสุดท้าย...ก็คือ...ไม่มีวิธีการแก้ นอกจากการพ่นสารเคมีกำจัด เพลี้ยไฟ ไรแดง ไรขาวซึ่งเป็นแมลงพาหะ เมื่อแมลงตาย แต่ไวรัสที่อยู่ในต้นยังคงอยู่และยังแพร่ระบาดต่อไป สุดท้ายพริกเหลือง หงิก ด่างทั้งแปลง...เพียงเพราะ...ชาวไร่ไม่รู้จักยาไวรัส...ผู้แนะนำยังบอกว่า...ไวรัสไม่มียา รักษา...ไวรัสยังแก้ไม่ได้....ฉีดธาตุอาหารเสริมสารพัดที่คิดว่าพริกจะกลับมาเขียวได้ แข็งแรงได้...ซึ่งไม่ใช่คำตอบ...ไวรัสจึงยังอยู่กับชาวไร่ต่อไป...และต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เครื่องปั่นไฟ Generator คือ

เครื่องปั่นไฟ (Generator) หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า "เครื่องกำเนิดไฟฟ้า" คือ เครื่องกลที่ใช้สำหรับแปลงพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยหลักการทำงาน ว่าเมื่อสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ตัดขดลวด หรือขดลวดเคลื่อนที่ตัดสนามแม่เหล็กก็จะได้ไฟฟ้าออกมา เครื่องปั่นไฟหรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้า คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับแปรปรวนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยหลักการทำงาน ว่าเมื่อสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ตัดขดลวด หรือขดลวดเคลื่อนที่ตัดสนามแม่เหล็กก็จะได้ไฟฟ้าออกมา

ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทางตรงเราสามารถเสริมแรงดันไฟฟ้าขึ้นได้โดย การปรับความเข้มของสนามแม่เหล็กและเพิ่มกำลังเร็วรอบของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แต่ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับการเพิ่มแรงดันโดยการเพิ่มความเร็วไม่ สามารถที่จะทำได้ เพราะจะทำให้ความถี่ของแรงดันไฟฟ้าที่ได้เปลี่ยนไป สามรถทำได้เพียงการปรับความเข้มของสนามแม่เหล็กเท่านั้น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (อังกฤษ: Electric generator) คือเครื่องไม้เครื่องมือที่แปลงพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า อุปกรณ์ดังกล่าวจะบังคับกระแสไฟฟ้าให้ไหลผ่านวงจรข้างนอก ที่มาของแรงงานกลอาจจะเป็นลูกสูบหรือเครื่องกลกังหันไอน้ำ หรือแรงน้ำตกผ่านกังหันน้ำหรือล้อน้ำ หรือเครื่องยนต์การเผาผลาญภายใน หรือกังหันลม หรือข้อเหวี่ยงมือ หรืออากาศอัด หรือแหล่งพลังงานกลอื่นๆ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะแบ่งพลังงานไฟฟ้าแทบจะทั้งหมดให้กับกริดพลังงานไฟฟ้า

สมัยปัจจุบันระบบไฟฟ้าภายในประเทศไทยมีทั้งระบบการผลิตการส่งจ่ายและการจำหน่ายที่มีศักยภาพ สามารถจ่ายไฟฟ้าได้กว้างขวางทุกขอบเขต  ทำให้สถานประกอบการมีกระแสไฟฟ้าใช้ได้ตลอด   ทั้งวัน  แต่บางทีอาจจะเกิดข้อติดขัดจากการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าอันด้วยเหตุว่า ความสะเพร่าของอุปกรณ์ในระบบหรือการเกิดอุบัติเหตุ  มีการตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อแก้ไข  แก้ไข หรือปรับปรุงระบบสายส่งให้ดีขึ้น หรือมีการเชื่อมต่อสายส่งเพิ่มขึ้น  การเกิดภัยธรรมชาติ  เช่น  พายุ  ฝนฟ้าคะนอง  ทำให้กิ่งไม้ในบริเวณใกล้เคียงสายส่งหักพาดสาย ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร  หรือเกิดฟ้าผ่าลงบนสายส่งไฟฟ้าแรงสูง
ซึ่งข้อข้องขัดดังกล่าว  ถึงแม้ทำให้มีผลกระทบต่อบ้านพักอาศัยของชาวเมืองไม่มากนัก              แต่สำหรับสถานที่ประกอบการแบบอาคารสูง  โรงแรม  โรงพยาบาล  โรงงานอุตสาหกรรม จึงมีผลพวงค่อนข้างมาก  เช่น  ระบบปรับอากาศ  ลิฟต์ประจำอาคาร  ขบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม จะหยุดชะงัก เป็นปัจจัยให้เกิดการเสียหายแก่สถานที่ประกอบการนั้น ๆ ครั้นแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องมีกำลังไฟฟ้าเตรียมไว้ไว้จ่ายพลังงานทดแทน ซึ่งกำลังไฟฟ้าสำรองนี้ได้มาจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง(Stand by Generator)  นั่นเอง โดยเหตุนั้น สถานประกอบการจะต้องทบทวนเสียก่อนว่า กิจการค้าของตนเองจำเป็นต้องมีระบบไฟฟ้าที่ระดับความมั่นคงเพียงใด และกิจกรรมการใช้ไฟฟ้าใดบ้างที่เป็นกิจกรรมที่สำคัญ และไม่สามารถหยุดขบวนการทำงานเป็นระยะเวลายาวนานต่อเนื่องได้